สถานการณ์ปัจจุบัน : สถานการณ์วิกฤตระดับ 2 ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม 2550 เวลาทำการ 07.00 – 20.30 น.

 
      

 ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำกรมชลประทาน  กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

                                      โทรศัพท์  0-2243-6956, 0-2241-3350,0-2243-1098 โทรสาร 0-2243-6956, 0-2241-3350,0-2243-1098

                                     http://www.rid.go.th/flood , www.kromchol.com, E-mail : rid_flood@yahoo.com  สายด่วน 1460

  _________________________________________________________

สรุปสถานการณ์น้ำในช่วงฤดูฝน ปี 2550

วันอาทิตย์ที่  9 กันยายน พ.ศ. 2550  

 

1.สภาพภูมิอากาศ

 

 

                                                                                                                                                                                                

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

                 

                  ร่องความกดอากาศต่ำกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านตอนบนสุดของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังค่อนข้างแรงในประเทศลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนตกเพิ่มขึ้นกับมีฝนตกหนักและลมกระโชกแรงบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนที่มีบ้านเรือนอาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ในภาคเหนือด้านตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน ตาก อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ เลย หนองบัวลำภู หนองคาย สกลนคร อุดรธานี นครพนม มุกดาหาร มหาสารคาม และกาฬสินธุ์ระมัดระวังอันตรายจากสภาวะ
ฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมฉับพลันในระยะ 1-2 วันนี้ไว้ด้วย

 

2.สภาพฝน

ปริมาณฝนสูงสุดรายภาค ตั้งแต่ 07.00 น.วันที่ 8 กันยายน 2550 จนถึง 07.00 น.วันที่ 9 กันยายน 2550 มีดังนี้

ภาคเหนือ                         ที่ อ.อุ้มผาง  จ.ตาก                               35.8      มม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ     ที่ อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม                82.9      มม.

ภาคกลาง                         ที่ อ.เมือง  จ.นครสวรรค์                         29.5      มม.

ภาคตะวันออก                  ที่ อ.เกาะสีชัง  จ.ชลบุรี                          32.2      มม.

ภาคใต้ฝั่งตะวันออก             ที่ อ.ฉวาง  จ.นครราชสีมา                     13.6      มม.

ภาคใต้ฝั่งตะวันตก               ที่ อ.ตะกั่วป่า  จ.พังงา                           4.6       มม.

 

3.สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำ

สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ (9 กันยายน 2550) มีปริมาตรน้ำในอ่างฯทั้งหมด 49,775 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ คิดเป็นร้อยละ 73  ของความจุอ่างฯทั้งหมด น้อยกว่าปี 2549 (55,835 ล้านลูกบาศก์เมตร) จำนวน 6,060 ล้านลูกบาศก์เมตร   คิดเป็น ร้อยละ  10.8

อ่างเก็บน้ำภูมิพลและอ่างเก็บน้ำสิริกิติ์มีปริมาตรน้ำในอ่างฯทั้งหมด 8,740 และ 6,303 ล้านลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ หรือคิดเป็นร้อยละ 65 และ 66 ของความจุอ่างฯทั้งหมด ตามลำดับ โดยมีปริมาตรน้ำทั้งสองอ่างฯรวมกันจำนวน 15,045 ล้านลูกบาศก์เมตร

              สำหรับอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ น้อยกว่า 30 % ของความจุอ่างฯ มีจำนวน 4 อ่าง ได้แก่

1) อ่างเก็บน้ำแม่กวง จังหวัดเชียงใหม่ มีปริมาตรน้ำในอ่าง 45 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 17 ของความจุอ่างฯ

2) อ่างเก็บน้ำลำนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ มีปริมาตรน้ำในอ่าง   29 ล้านลูกบาศก์เมตร   คิดเป็นร้อยละ  24 ของความจุอ่างฯ

3) อ่างเก็บน้ำป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี มีปริมาตรน้ำในอ่าง 275 ล้านลูกบาศก์เมตร  คิดเป็นร้อยละ 29 ของความจุอ่างฯ

4) อ่างเก็บน้ำทับเสลา จังหวัดอุทัยธานี  มีปริมาตรน้ำในอ่าง 35 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 22 ของความจุอ่างฯ

            สำหรับอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ มากกว่า 80 % ของความจุอ่างฯ มีจำนวน 5 อ่าง ได้แก่

1) อ่างเก็บน้ำลำปาว จังหวัดกาฬสินธ์ มีปริมาตรน้ำในอ่าง 1,273 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 89 ของความจุอ่างฯ

2) อ่างเก็บน้ำศรีนครินทร์ จังหวัดกาญจนบุรี มีปริมาตรน้ำในอ่าง 15,129 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 85 ของความจุอ่างฯ

3) อ่างเก็บน้ำวชิราลงกรณ์  จังหวัดกาญจนบุรี มีปริมาตรน้ำในอ่าง   7,088 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 80 ของความจุอ่างฯ

4) อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล จังหวัดระยอง มีปริมาตรน้ำในอ่าง 137 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 83 ของความจุอ่างฯ

5) อ่างเก็บน้ำประแสร์ จังหวัดระยอง  มีปริมาตรน้ำในอ่าง 207 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ  84 ของความจุอ่างฯ

อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่ต้องติดตามและเฝ้าระวัง มีดังนี้

4. สภาพน้ำท่า

แม่น้ำปิง ที่สถานี P.1 สะพานนวรัฐ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ มีปริมาณน้ำไหล ผ่าน 98.0 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ความจุ 440 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) อยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย แนวโน้มลดลง

สถานี P.2A บ้านท่าแค อำเภอเมือง จังหวัดตาก มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 366.0 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ความจุ 1,830 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) อยู่ในเกณฑ์ปกติ แนวโน้มลดลง

ที่ สถานี  W.4A บ้านวังหมัน อำเภอสามเงา จังหวัดตาก มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 88.0 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ความจุ 316 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) อยู่ในเกณฑ์น้อย แนวโน้มเพิ่มขึ้น

แม่น้ำวัง  ที่สถานี  W.1C ที่สะพานเสตุวารี อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 31.0 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที อยู่ในเกณฑ์ปกติ แนวโน้มลดลง

แม่น้ำยม ที่สถานี Y.1C ที่สะพานบ้านน้ำโค้ง อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 42.0 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ความจุ1, 000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) อยู่ในเกณฑ์น้อยวิกฤต แนวโน้มลดลง

สถานี Y.4 ที่ตลาดธานี อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 298.8 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ความจุ 520 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) อยู่ในเกณฑ์ปกติ แนวโน้มลดลง

สถานี Y.16 บ้านบางระกำ อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 290 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ความจุ 308 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) อยู่ในเกณฑ์น้ำมาก ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 0.65 เมตร (ระดับตลิ่ง 7.17 ม.) แนวโน้มเพิ่มขึ้น

สถานี Y.17 บ้านสามง่าม อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 238.40 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ความจุ 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) อยู่ในเกณฑ์ปกติ แนวโน้มเพิ่มขึ้น 

แม่น้ำน่าน โดยที่สถานี  N.5A ที่สะพานเอกาทศรถ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 471.7 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ความจุ 1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) อยู่ในเกณฑ์ปกติ แนวโน้มเพิ่มขึ้น

สถานี N.24A ที่บ้านวังนกแอ่น อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 106.1 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ความจุ 800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) อยู่ในเกณฑ์ปกติ แนวโน้มลดลง 

สถานี N.8A ที่บ้านบางมูลนาก อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 759.6 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ความจุ 1,230 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) อยู่ในเกณฑ์ปกติ แนวโน้มเพิ่มขึ้น

สถานี N.67 สะพานบ้านเกยไชย อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 956.0 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ความจุ 1,370 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) อยู่ในเกณฑ์ปกติ แนวโน้มเพิ่มขึ้น

สถานีวัดน้ำ N.60 บ้านเด่นสำโรง อำเภอตรอน จังหวัดอุตรดิตถ์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 304.0  ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ความจุ 1,550 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) อยู่ในเกณฑ์ปกติ แนวโน้มลดลง

ส่วนสภาพน้ำท่าด้านเหนือเขื่อนสิริกิติ์ ที่สถานี N1 หน้าสำนักงานป่าไม้ อ.เมือง จ.น่าน มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 262.0 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ความจุ 1,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) อยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย แนวโน้มลดลง

แม่น้ำเจ้าพระยา มีปริมาณน้ำที่ไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์ (C.2) 1,357.0  ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา (C.13) 1,180 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยมีระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา + 15.80 ม.(รทก.)  เขื่อนพระรามหก ปริมาณน้ำไหลผ่าน  22 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

แม่น้ำมูล สถานีวัดน้ำ M.6A บริเวณบ้านสตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ มีน้ำนอนคลอง  ( ความจุ 496 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที)  อยู่ในเกณฑ์น้ำน้อยวิกฤต แนวโน้มลดลง

แม่น้ำห้วยทับทัน  สถานีวัดน้ำ M.42 บ้านห้วยทับทัน อ.ห้วยทับทัน จ.ศรีษะเกษ ปริมาณน้ำไหลผ่าน   75 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ( ความจุ 60  ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที)  อยู่ในเกณฑ์น้ำท่วม  ล้นตลิ่ง  0.61  เมตร  แนวโน้มเพิ่ม

แม่น้ำมูล  สถานีวัดน้ำ M.7 สะพานเสรีประชาธิปไตย อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ปริมาณน้ำไหลผ่าน   1,301 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ความจุ 1,980 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) อยู่ในเกณฑ์ปกติ ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 1.20 ม. (ระดับตลิ่ง 6.30 ม.)  แนวโน้มลดลง

แม่น้ำแควใหญ่ สถานีวัดน้ำ K.35A บริเวณบ้านหนองบัว อ.เมือง จ.กาญจนบุรี มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 128.0 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ความจุ 1,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) อยู่ในเกณฑ์ปกติ แนวโน้มลดลง

แม่น้ำคลองใหญ่ สถานีวัดน้ำ Z.10 บริเวณบ้านศรีบัวทอง อำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 41.6ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ความจุ 499 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) อยู่ในเกณฑ์ปกติ แนวโน้มลดลง

แม่น้ำจันทบุรี สถานีวัดน้ำ Z.13 บริเวณบ้านปึก อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 36.1 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ความจุ 244 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) อยู่ในเกณฑ์น้อย แนวโน้มทรงตัว

แม่น้ำตาปี  สถานีวัดน้ำ X.37 A บริเวณบ้านย่านดินแดง อำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 185.3 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำ 8.50 ม. (ความจุ 490 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับตลิ่ง 10.76 ม.) อยู่ในเกณฑ์ปกติแนวโน้มลดลง

แม่น้ำอู่ตะเภา  สถานีวัดน้ำ X.44 บริเวณบ้านหาดใหญ่ใน อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 2.8ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ความจุ 509 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) อยู่ในเกณฑ์น้อย แนวโน้มทรงตัว

แม่น้ำโกลก  สถานีวัดน้ำ X.119A บริเวณบ้านปาเสมัส อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 63.5 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ความจุ 384 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) อยู่ในเกณฑ์น้อย แนวโน้มเพิ่มขึ้น

 

5.  สถานการณ์น้ำท่วม  

จังหวัดเชียงราย  จากอิทธิพลของฝนที่ตกในเขตลุ่มน้ำแม่คำ (ลำน้ำแม่คำ-แม่น้ำโขง) และลุ่มน้ำกก และน้ำแม่คำที่ไหลลงสู่แม่น้ำโขงที่ ต.เวียง อ.เชียงแสน ซึ่งหากระดับน้ำในแม่น้ำโขงสูงจะส่งผลให้ประสิทธิภาพการระบายน้ำของแม่น้ำคำและแม่น้ำกกลดลง ส่งผลให้พื้นที่การเกษตรและเขตชุมชนของ ต.ศรีดอนมูล ต.ป่าสัก ต.โยนก ต.เวียง ต.บ้านแซว และ ต.แม่เงิน  อ.เชียงแสน ซึ่งเป็นบริเวณ Flood Plane ริมฝั่งแม่น้ำกก/น้ำแม่คำ ระดับสูง 0.30-0.50 เมตร ทรงตัวเท่ากับเมื่อวาน (8 ก.ย. 50) เนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำโขงยังคงทรงตัวอยู่ที่ระดับ 7.48-7.78 เมตร การระบายน้ำจากแม่น้ำคำและแม่น้ำกกทำได้น้อย คาดว่าสถานการณ์จะคลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 1-2 วัน

จังหวัดสุโขทัย  เนื่องจากแม่น้ำยมมีปริมาณน้ำมากขึ้น และเอ่อล้นตลิ่งในเขต อ.กงไกรลาศ เข้าท่วมพื้นที่ลุ่ม ต.ยางซ้าย ตงปากพระ ต.บ้านสวน อ.เมือง ต.ท่าฉนวน ต.กง ต. คงเดือย อ.กงไกรลาศ ซึ่งเป็นพื้นที่น้ำท่วมประจำทุกปี และไม่มีพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย

จังหวัดพิจิตร ในระยะนี้มีฝนตกและมีปริมาณน้ำทางตอนบนไหลลงมาสมทบ ทำให้ระดับน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติ และลำน้ำเพิ่มขึ้น และปริมาณฝนที่ตกต่อเนื่องทำให้ยังมีน้ำท่วมขังในที่ลุ่ม

                จังหวัดพิษณุโลก  เกิดจากฝนตกหนักเมื่อวันที่  6  กันยายน  2550  ทำให้น้ำแม่น้ำวังทองไหลล้นตลิ่ง ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขังในเขตพื้นที่อำเภอวังทอง จำนวน 5  ตำบล ได้แก่  อำเภอวังทอง  ในเขต  ต.ชัยนาม 8 หมู่บ้าน  ต.ดินทอง 4  หมู่บ้าน  ต.วังทอง 5  หมู่บ้าน  ต.วังพิกุล 4  หมู่บ้าน  ต.วังนกแอ่น  4  หมู่ ซึ่งคาดว่าหากไม่มีฝนตกมาเพิ่ม สถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติในวันที่  10 กันยายน  2550    

จังหวัดสกลนคร  เนื่องจากมีฝนตกหนักและตกต่อเนื่อง ทำให้มีน้ำเอ่อท่วมในพื้นที่ราบลุ่มน้ำริมตลิ่งลำน้ำต่างๆดังนี้- 

ลำน้ำสงครามตอนล่าง ในเขต  อ.บ้านม่วง อ.คำตากล้า และ อ.อากาศอำนวย   แนวโน้มระดับน้ำเพิ่มขึ้น

-          ลำน้ำสงครามตอนบน ในเขต  อ. สว่างดินแดน ลำน้ำยาม  อ. สว่างดินแดน  อ. เจริญศิลป์ และ อ.อากาศอำนวย   แนวโน้มระดับน้ำลดลงคาดว่าจะเข้าสู่สภาวะปกติในวันที่  10 ก.ย. 50  

-          ลำน้ำก่ำ ในเขต   อ.โพนนาแก้ว และ อ.โคกศรีสุพรรณ  สถานการณ์น้ำอยู่ในเกณฑ์มาก  แนวโน้มทรงตัว  

-          ลำห้วยปลาหาง ในเขต  อ. พังโคน และ อ. วาริชภูมิ  ซึ่งสถานการณ์ระดับน้ำแนวโน้มลดลง  คาดว่าจะเข้าสู่สภาวะปกติในวันที่  10  ก.ย. 50

            จังหวัดหนองคาย  ตามที่ได้เกิดภาวะฝนตกหนักติดต่อกัน ทำให้น้ำล้นทางระบายน้ำล้นของอ่างเก็บน้ำห้วยทอนตอนบนสูง  1.20 เมตร มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 85 ลบ.ม./วินาที ทำให้เกิดอุทกภัยด้านล่างท้ายอ่างเก็บน้ำ สรุปดังนี้

            -  น้ำล้นตลิ่งลำห้วยทอนตอนล่าง  ล้นข้ามคันคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา  ของโครงการฝายห้วยทอนตอนล่าง

            -  น้ำท่วมพื้นที่การเกษตรในเขตพื้นที่ชลประทาน บ้านสาวแล และบ้านโพธิ์ตาก ต.โพธิ์ตาก กิ่ง อ.โพธิ์ตาก ประมาณ 2,000ไร่ ซึ่งเป็นน้ำป่าที่ไหลมาจากลำห้วยม้าทางด้านท้ายอ่างเป็นน้ำไหลมาสมทบด้วย โดยปัจจุบันมีการระบายน้ำลงแม่น้ำโขงได้ คาดว่าหากไม่มีฝนตก สถานการณ์น้ำท่วมจะเข้าสู่ภาวะปกติภายใน   10 ก.ย.  50

            จังหวัดศรีสะเกษ บ้านห้วยทับทัน อ.ห้วยทับทัน มีน้ำเอ่อล้นตลิ่งจากห้วยทับทันสูงประมาณ 0.60 เมตร  เข้าท่วมพื้นที่ลุ่มริมตลิ่ง  ปัจจุบันระดับน้ำในห้วยทับทันมีแนวโน้มลดลง

6. การให้ความช่วยเหลือ

ปัจจุบันกรมชลประทานได้ส่งเครื่องสูบน้ำประจำที่ท่าสูบน้ำเพื่อช่วยเหลืออุทกภัยทั้งประเทศ  จำนวน  121   เครื่อง 

โดยแยกรายจังหวัดได้ดังนี้  เชียงใหม่ 45 เครื่อง  ลำพูน 10 เครื่อง  พิจิตร 1 เครื่อง  มหาสารคาม  1 เครื่อง  นครราชสีมา 1 เครื่อง สระบุรี 2 เครื่อง บุรีรัมย์  1 เครื่อง  ชัยนาท 18 เครื่อง อ่างทอง  5 เครื่อง  นนทบุรี  10 เครื่อง  ปทุมธานี   3 เครื่อง  สุพรรณบุรี  13 เครื่อง  อ่างทอง 5 เครื่อง สมุทรสาคร  2  เครื่อง  นครปฐม  1 เครื่อง  นครศรีธรรมราช  3 เครื่อง 

 

************************************

 

นายครองศักดิ์  สงรักษา                วิศวกรชลประทาน  6 ว                                                                                             รายงาน

                                                ผู้ช่วยเลขานุการศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำกรมชลประทาน                                                                                

นายพรชัย    พ้นชั่ว                      นายช่างชลประทาน 8                                                                                              ตรวจ

                                                เลขานุการศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำกรมชลประทาน                                 

 

;        

 

p;