ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำกรมชลประทาน  กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

                                      โทรศัพท์  0-2243-6956, 0-2241-3350,0-2243-1098 โทรสาร 0-2243-6956, 0-2241-3350,0-2243-1098

                                      http://www.rid.go.th/flood , www.kromchol.com, E-mail : rid_flood@yahoo.com  สายด่วน 1460

  _________________________________________________________

สรุปสถานการณ์น้ำในช่วงฤดูฝน  ปี 2550

วันศุกร์ที่  14  กันยายน พ.ศ. 2550  

 

 1.สภาพภูมิอากาศ

               
         


 

 

 



 

 

 

ร่องความกดอากาศต่ำกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ทุกภาคของประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักบางแห่งโดยเฉพาะภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานคร ภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก สำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณจังหวัดสุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด และพังงา ระมัดระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งต่อไปอีก ส่วนคลื่นลมในทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังไว้ด้วย

2.สภาพฝน 

ปริมาณฝนสูงสุดรายภาค ตั้งแต่  07.00 น.วันที่ 13 กันยายน 2550 จนถึง  07.00 น.วันที่ 14  กันยายน 2550   มีดังนี้

ภาคเหนือ                                               ที่ อ.เมือง  จ.สุโขทัย                                 25.3     มม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ                          ที่ อ.เมือง  จ.สกลนคร                              12.9     มม.

ภาคกลาง                                               ที่ บัวชุม จ.ลพบุรี                                     110.2   มม.

ภาคตะวันออก                                       ที่ เกาะสีชัง จ.ชลบุรี                                   67.0    มม.

ภาคใต้ฝั่งตะวันออก                                 ที่ อ.เมือง  จ. ยะลา                                    19.2    มม.

                        ภาคใต้ฝั่งตะวันตก                                   ที่ อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา                                46.3     มม.

 

 

 

 

3.สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำ

สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ (14 กันยายน 2550) มีปริมาตรน้ำในอ่างฯทั้งหมด 50,252 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ คิดเป็นร้อยละ 73  ของความจุอ่างฯทั้งหมด น้อยกว่าปี 2549 (56,767 ล้านลูกบาศก์เมตร) จำนวน 6,515 ล้านลูกบาศก์เมตร   คิดเป็น ร้อยละ  9

อ่างเก็บน้ำภูมิพลและอ่างเก็บน้ำสิริกิติ์มีปริมาตรน้ำในอ่างฯทั้งหมด 8,793 และ 6,440 ล้านลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ หรือคิดเป็นร้อยละ 65 และ 68 ของความจุอ่างฯทั้งหมด ตามลำดับ โดยมีปริมาตรน้ำทั้งสองอ่างฯรวมกันจำนวน 15,187 ล้านลูกบาศก์เมตร

 

                                                                                   

 

 

 

 

 

 

 

สำหรับอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ น้อยกว่า 30 % ของความจุอ่างฯ มีจำนวน 3 อ่าง ได้แก่

1) อ่างเก็บน้ำแม่กวง จังหวัดเชียงใหม่ มีปริมาตรน้ำในอ่าง 45 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 17 ของความจุอ่างฯ

 

 

 

 

 

 

 


2) อ่างเก็บน้ำลำนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ มีปริมาตรน้ำในอ่าง   30 ล้านลูกบาศก์เมตร   คิดเป็นร้อยละ  25 ของความจุอ่างฯ

 

 

 

 

 


3) อ่างเก็บน้ำทับเสลา จังหวัดอุทัยธานี  มีปริมาตรน้ำในอ่าง 40 ล้านลูกบาศก์เมตร  คิดเป็นร้อยละ 25 ของความจุอ่างฯ

 

 

 

 

 

 

 

 สำหรับอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ มากกว่า 80 % ของความจุอ่างฯ มีจำนวน 5 อ่าง ได้แก่

1) อ่างเก็บน้ำลำปาว จังหวัดกาฬสินธุ์  มีปริมาตรน้ำในอ่าง 1,327 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ  93  ของความจุอ่างฯ

 

 

 

 

 

 

 

 


2) อ่างเก็บน้ำศรีนครินทร์ จังหวัดกาญจนบุรี มีปริมาตรน้ำในอ่าง   15,144  ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ  85  ของความจุอ่างฯ

 

 

 

 

 

 

 

 

 


3) อ่างเก็บน้ำวชิราลงกรณ์ จังหวัดกาญจนบุรี มีปริมาตรน้ำในอ่าง  7,153  ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ  81  ของความจุอ่างฯ

 

 

 

 

 

 

 

 

4) อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล จังหวัดระยอง มีปริมาตรน้ำในอ่าง 136  ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ  83  ของความจุอ่างฯ

 

 

 

 

 

 

 


5) อ่างเก็บน้ำประแสร์ จังหวัดระยอง  มีปริมาตรน้ำในอ่าง  203  ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ  82  ของความจุอ่างฯ

อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่ต้องติดตามและเฝ้าระวัง มีดังนี้

 

4. สภาพน้ำท่า

แม่น้ำปิง ที่สถานี P.1 สะพานนวรัฐ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ มีปริมาณน้ำไหล ผ่าน 90 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ความจุ 440 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) อยู่ในเกณฑ์น้ำปกติ  แนวโน้มเพิ่มขึ้น

สถานี P.2A บ้านท่าแค อำเภอเมือง จังหวัดตาก มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 350 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ความจุ 1,830 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) อยู่ในเกณฑ์ปกติ แนวโน้มเพิ่มขึ้น

แม่น้ำวัง  ที่สถานี  W.1C ที่สะพานเสตุวารี  อำเภอเมือง  จังหวัดลำปาง มีปริมาณน้ำไหลผ่าน  24 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที  อยู่ในเกณฑ์ปกติ แนวโน้มลดลง

 สถานี  W.4A บ้านวังหมัน อำเภอสามเงา จังหวัดตาก มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 28 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที  (ความจุ 316 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ) อยู่ในเกณฑ์ปกติ แนวโน้มลดลง

แม่น้ำยม ที่สถานี Y.1C ที่สะพานบ้านน้ำโค้ง อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 357 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ความจุ1,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) อยู่ในเกณฑ์น้อย  แนวโน้มเพิ่มขึ้น

สถานี Y.4 ที่ตลาดธานี อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย  มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 168 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที  (ความจุ 520 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ) อยู่ในเกณฑ์ปกติ  แนวโน้มทรงตัว

สถานี Y.16 บ้านบางระกำ อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 313.3 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที  (ความจุ 308 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที  ระดับตลิ่ง  7.17  ม. ) อยู่ในเกณฑ์น้ำมาก  ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 0.29 เมตร แนวโน้มเพิ่มขึ้น

สถานี Y.17 บ้านสามง่าม อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 236.8 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที  (ความจุ 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ) อยู่ในเกณฑ์ปกติ  แนวโน้มเพิ่มขึ้น

แม่น้ำน่าน โดยที่สถานี  N.5A ที่สะพานเอกาทศรถ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 392 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ความจุ 1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) อยู่ในเกณฑ์ปกติ แนวโน้มเพิ่มขึ้น

สถานี N.24A ที่บ้านวังนกแอ่น อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 123.1 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ความจุ 600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) อยู่ในเกณฑ์ปกติ  แนวโน้มลดลง 

สถานี N.8A ที่บ้านบางมูลนาก อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 823.3 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ความจุ 1,230 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) อยู่ในเกณฑ์ปกติ แนวโน้มเพิ่มขึ้น

สถานี N.14A หน้าวัดหลวงพ่อแก้ว อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 854 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ความจุ 1,230 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับตลิ่ง  27.81  ม.) อยู่ในเกณฑ์น้ำมาก  ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง  0.82  แนวโน้มเพิ่มขึ้น

สถานี N.67 สะพานบ้านเกยไชย อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,023  ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ความจุ 1,370 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที  ระดับตลิ่ง  27.40  ม.) อยู่ในเกณฑ์มาก  ระดับต่ำกว่าตลิ่ง  1.21  ม.  แนวโน้มเพิ่มขึ้น

สถานี N.60 บ้านเด่นสำโรง อำเภอตรอน จังหวัดอุตรดิตถ์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 155.6  ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ความจุ 1,550 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) อยู่ในเกณฑ์ปกติ แนวโน้มเพิ่มขึ้น

ส่วนสภาพน้ำท่าด้านเหนือเขื่อนสิริกิติ์ ที่สถานี N1 หน้าสำนักงานป่าไม้ อ.เมือง จ.น่าน มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 240 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ความจุ 1,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) อยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย  แนวโน้มลดลง

แม่น้ำเจ้าพระยา มีปริมาณน้ำที่ไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์ (C.2) 1,330  ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา (C.13) 1,289 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยมีระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา +15.80 ม.(รทก.)  เขื่อนพระรามหก ปริมาณน้ำไหลผ่าน  13  ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

                                                                                   

 

 

 

 

 

แม่น้ำป่าสัก  สถานี S.42 บ้านบ่อวัง  อ.วิเชียรบุรี  จ.เพชรบูรณ์ ปริมาณน้ำไหลผ่าน  122.3  ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ( ความจุ 188  ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที  ระดั บตลิ่ง  10.20  ม.) อยู่ในเกณฑ์มาก ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง  1.81  เมตร  แนวโน้มเพิ่มขึ้น

แม่น้ำชี ที่สถานี E.20A   อำเภอมหาชนะชัย   จังหวัดยโสธร  สภาพน้ำท่าอยู่ในเกณฑ์มาก ปริมาณน้ำไหลผ่าน   770.2 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ( ความจุ 1,025  ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที  ระดับตลิ่ง  9.50  ม.)  ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง  0.76 เมตร   แนวโน้มเพิ่มขึ้น

แม่น้ำมูล สถานี M.6A บริเวณบ้านสตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ มีน้ำนอนคลอง  ปริมาณน้ำไหลผ่าน  122.3 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที  ( ความจุ 496 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที)  อยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย  แนวโน้มลดลง

แม่น้ำห้วยทับทัน  สถานี M.42 บ้านห้วยทับทัน อ.ห้วยทับทัน จ.ศรีษะเกษ ปริมาณน้ำไหลผ่าน 44.6  ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ( ความจุ 60 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที  ระดับตลิ่ง  6.00  ม.)  อยู่ในเกณฑ์น้ำมาก ต่ำกว่าตลิ่ง  0.67  เมตร  แนวโน้มลดลง

แม่น้ำมูล  สถานี M.7 สะพานเสรีประชาธิปไตย  อ.เมือง  จ.อุบลราชธานี ปริมาณน้ำไหลผ่าน   1,156.0 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ( ความจุ 1,980 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที)  อยู่ในเกณฑ์ปกติ  แนวโน้มลดลง

แม่น้ำแควใหญ่ สถานี K.35A บริเวณบ้านหนองบัว อ.เมือง จ.กาญจนบุรี มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 172  ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ความจุ 1,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) อยู่ในเกณฑ์ปกติ แนวโน้มลดลง

แม่น้ำแม่กลอง สถานี K.3 หน้าวัดไชยชุมพล  อ.เมือง จ.กาญจนบุรี อยู่ในเกณฑ์น้ำมาก  ต่ำกว่าตลิ่ง  0.26  เมตร (ระดับตลิ่ง  7.50 ม.)  แนวโน้มเพิ่มขึ้น

 แม่น้ำคลองใหญ่ สถานี Z.10 บริเวณบ้านศรีบัวทอง อำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 47 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ความจุ 499 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) อยู่ในเกณฑ์ปกติ แนวโน้มลดลง

แม่น้ำจันทบุรี สถานี Z.13 บริเวณบ้านปึก อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 34.7 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ความจุ 244 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) อยู่ในเกณฑ์ปกติ แนวโน้มลดลง

แม่น้ำตาปี  สถานี X.37 A บริเวณบ้านย่านดินแดง อำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 166.2 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที    (ความจุ 490 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับตลิ่ง 10.76 ม.)  อยู่ในเกณฑ์ปกติ  แนวโน้มเพิ่มขึ้น

แม่น้ำอู่ตะเภา  สถานี X.44 บริเวณบ้านหาดใหญ่ใน อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา มีปริมาณน้ำไหลผ่าน   5.3ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ความจุ 509 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) อยู่ในเกณฑ์น้อย แนวโน้มลดลง

แม่น้ำโกลก  สถานี X.119A บริเวณบ้านปาเสมัส อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส มีปริมาณน้ำไหลผ่าน  36 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ความจุ 384 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) อยู่ในเกณฑ์น้อย แนวโน้มเพิ่มขึ้น

5.  สถานการณ์น้ำท่วม  

            จังหวัดเชียงราย

 อ.แม่จัน  ลำน้ำแม่คำมีปริมาณน้ำมาก ไหลล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นบ้านเรือน และพื้นที่การเกษตร ในเขตพื้นที่ บ้านแม่คำน้ำลัด หมู่ที่ 11 บ้านหัวฝาย ต.จันจว้าใต้ อ.แม่จัน สถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติ  เวลา  08.00  น.  วันที่  14  กันยายน  2550

  อ.  พญาเม็งราย  ลำน้ำแม่ต๊าก (สาขาน้ำแม่อิง-แม่น้ำโขง)  บ้านทุ่งเจ้า หมู่ที่ 4 บ้านทุ่งเจ้าเหนือ หมู่ที่ 15 บ้านทุ่งเจ้าใต้ ต.แม่เปา อ.พญาเม็งราย สถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติ  เวลา  08.00  น.  วันที่  14  กันยายน  2550

จังหวัดพิษณุโลก  ปัจจุบันพื้นที่น้ำท่วมเนื่องจากฝนที่ตกระหว่างวันที่ 8-9 ก.ย. 50 ที่ผ่าน สถานการณ์น้ำเข้าสู่สภาวะปกติ  เมื่อวันที่  13  กันยายน  2550  มีเพียงบางจุดของแม่น้ำวังทอง บริเวณที่ลุ่มต่ำ ที่มีน้ำท่วมขังรอการระบาย 

            จังหวัดสุโขทัย   ปริมาณน้ำในแม่น้ำยม อ.ศรีสัชนาลัย ลดลง แต่ปริมาณน้ำที่ไหลมาสะสม มีแนวโน้มแผ่ขยายเข้าท่วมขังในพื้นที่ราบลุ่มในเขตอำเภอเมือง ที่ ต.ยางซ้าย ปากพระ บ้านสวน และในเขต อ.กงไกรลาศ ที่ ต.ท่าฉนวน กง และดงเดือย ซึ่งเป็นพื้นที่การเกษตรที่เกษตรกรได้เก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว  แนวโน้มคาดว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติประมาณเดือนตุลาคม  2550

            จังหวัดพิจิตร   ปริมาณน้ำที่ไหลมาจากแคววังทองในเขต อ.เนินมะปราง จ. พิษณุโลกไหลเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร และชุมชนในเขต ต. ท่าฬ่อ ต.ป่ามะคาบ ต.บ้านบุ่ง ต.หนองปลาไหล ต.หัวดง อ. เมือง พื้นที่การเกษตรไม่ได้รับความเสียหายเนื่องจากได้เก็บเกี่ยวหมดแล้ว  ซึ่งโครงการชลประทานพิจิตรได้ทำการเปิดประตูระบายน้ำ ทรบ.บ้านบุ่ง และ ปตร.คลองตัน  เพื่อระบายน้ำออกจากพื้นที่ลงแม่น้ำน่านแล้ว  หากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่ม  คาดว่าสถานการณ์น้ำจะเข้าสู่สภาวปกติในวันที่  17  กันยายน  2550

            จังหวัดอุทัยธานี  เกิดฝนตกติดต่อกันตั้งแต่วันที่ 11  กันยายน  เป็นต้นมาทำให้ปริมาณจากลำน้ำคลองโพ ที่ จ.นครสวรรค์  ไหลล้นตลิ่งเข้าพื้นที่การเกษตร  ในเขต  ตำบลบ่อยาง  ตำบลไผ่เขียว  อำเภอสว่างอารมณ์  จังหวัดอุทัย  ส่วนใหญ่พื้นที่เป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก แนวโน้มทรงตัว  ถ้าไม่มีฝนตกมาเพิ่มคาดว่าจะเข้าสู่สภาวะปกติในวันที่  17  กันยายน  2550 

            จังหวัดกาฬสินธุ์  มีน้ำท่วมขังบริเวณที่ติดกับลำน้ำปาว บริเวณบ้านดอนฉนวน หมู่ที่ 9 ต.หลุบ อ.เมือง พื้นที่ประมาณ 800 ไร่ ทั้งนี้ พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากประจำทุกปี  และ น้ำท่วมพื้นที่การเกษตร ที่ อ.เมือง  อ.ยางตลาด อ.ฆ้องชัย  อ.ดอนจาน  อ.ดำม่วง  อ.สหัสขันธ์  อ.สามชัย  อ.นาคู  อ.สมเด็จ  ประมาณ  41,000  ไร่  คาดว่าจะเข้าสู่สภาวปกติภายใน 1  สัปดาห์

จังหวัดสกลนคร  มีน้ำเอ่อเข้าท่วมในพื้นที่ราบลุ่มตามริมตลิ่งในลำน้ำต่างๆ (ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ประสบน้ำท่วมขังเป็นประจำทุกปี)เนื่องจากมีฝนตกอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้  ดังนี้ 

ลำน้ำสงครามตอนล่าง ในเขต  อ.คำตากล้า สถานการณ์ระดับน้ำลดลง และ อ.อากาศอำนวย    สถานการณ์ระดับน้ำทรงตัว  สถานการณ์น้ำจะเข้าสู่สภาวะปกติภายในวันที่  15  กันยายน  2550

 ลำน้ำยาม  ในเขต อ. อากาศอำนวย สภาพน้ำแนวโน้มลดลง  และยังมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ  สถานการณ์น้ำคาดว่าจะเข้าสู่สภาวะปกติในวันที่  15  กันยายน  2550  

ลำน้ำก่ำ ในเขตอ.โพนนาแก้ว และ อ.โคกศรีสุพรรณ  สถานการณ์แนวโน้มระดับน้ำลดลง สภาพน้ำท่วมตลิ่งยังคงมีอยู่  เนื่องจากหนองหานมีน้ำเกินระดับเก็บกัก และระบายลงลำน้ำก่ำ

            จังหวัดหนองคาย   ตามที่ได้เกิดฝนตกในวันที่  9-10 กันยายน  2550  ทำให้ปริมาณน้ำในลำห้วยทอน ตอนล่าง ยังคงล้นตลิ่ง การระบายน้ำไม่สามารถระบายน้ำได้ เนื่องจากลำห้วยโมงยังคงมีน้ำเติมความจุ และไม่สามารถระบายลงสู่แม่น้ำโขงได้ ทำให้เกิดภาวะน้ำเอ่อท้น และไหลย้อนกลับเข้าสู่คลองสาขาต่างๆ บริเวณบ้านสาวและบ้านโพธิ์ตาก ต.โพธิ์ตาก กิ่ง อ.โพธิ์ตาก เนื้อที่ประมาณ 2,000 ไร่ ซึ่งมีน้ำท่วมขังอยู่เดิมทำให้มีระดับน้ำสูงขึ้นมาอีก เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2550  ต่อมาวันที่  12 กันยายน 2550 การระบายน้ำออกสู่แม่น้ำโขงสะดวกมากขึ้น คาดว่า สถานการณ์น้ำท่วมจะเข้าสู่สภาวะปกติภายในวันที่ 17 กันยายน 2550 หากไม่มีปริมาณน้ำฝนตกหนักเพิ่มเติมลงมาอีก

6. การให้ความช่วยเหลือ

ปัจจุบันกรมชลประทานได้ส่งเครื่องสูบน้ำประจำที่ท่าสูบน้ำเพื่อช่วยเหลืออุทกภัยทั้งประเทศจำนวน 122 เครื่อง โดยแยกรายจังหวัดได้ดังนี้  เชียงใหม่ 45 เครื่อง ลำพูน 10 เครื่อง พิจิตร 2 เครื่อง พิษณุโลก 2 เครื่อง มหาสารคาม 3 เครื่อง ชัยภูมิ 2 เครื่อง นครราชสีมา 3 เครื่อง นนทบุรี 13 เครื่อง ปทุมธานี 2 เครื่อง  สุพรรณบุรี15 เครื่อง  สมุทรสาคร 2  เครื่อง  นครปฐม  1 เครื่อง  ชัยนาท 14 เครื่อง อ่างทอง 5 เครื่อง นครศรีธรรมราช  3 เครื่อง 

************************************

นายสราญ  ตันติกุล                      นายช่างชลประทาน  6                                                                             รายงาน                            

                                                ผู้ช่วยเลขานุการศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำกรมชลประทาน                          

นายพรชัย    พ้นชั่ว                      นายช่างชลประทาน 8                                                                              ตรวจ

                                                เลขานุการศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำกรมชลประทาน