สรุปสถานการณ์น้ำในปัจจุบัน

 

 


1. สภาพฝน

                        สภาวะอากาศปัจจุบัน ร่องความกดอากาศต่ำหรือร่องฝนพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทย  ทำให้ประเทศไทยมีฝนชุกในระยะนี้

                        ปริมาณฝนในเดือนสิงหาคม 2547 ตั้งแต่วันที่ 1 - 18 สิงหาคม 2547 ปริมาณฝนเฉลี่ยในภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก น้อยกว่าเกณฑ์เฉลี่ยร้อยละ 0.8 , 6 , 5.1,  29.7 และร้อยละ 53.6 ตามลำดับ ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนเฉลี่ยมากกว่าเกณฑ์เฉลี่ยร้อยละ  20 โดยมีฝนเฉลี่ยทั้งประเทศน้อยกว่าเกณฑ์เฉลี่ยร้อยละ 5.4

                        สรุปปริมาณฝนในระยะที่ผ่านมาของปี พ.ศ.2547 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2547 ถึง วันที่ 18 สิงหาคม 2547 ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีปริมาณฝนเฉลี่ยสะสมมากกว่าค่าเฉลี่ยร้อยละ 23.4 และ 31.9 ตามลำดับ ส่วนภาคอื่นๆมีปริมาณฝนเฉลี่ยสะสมน้อยกว่าเกณฑ์เฉลี่ย โดยมีปริมาณฝนเฉลี่ยทั้งประเทศ เท่ากับ 907.7 มิลลิเมตร มากกว่าเกณฑ์เฉลี่ยร้อยละ 8.6     

2. สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำ

          2.1 อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล

                   ปริมาณน้ำไหลลงอ่างในช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2547 อยู่ในเกณฑ์เฉลี่ยวันละ 35 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยมีปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯสูงสุดเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2547 จำนวน 45 ล้านลูกบาศก์เมตร และในวันที่ 19 สิงหาคม 2547 มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯเฉลี่ยวันละ 23 ล้านลูกบาศก์เมตรปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯรวมกันตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม ถึงวันที่ 19 สิงหาคม 2547 จำนวน 578 ล้านลูกบาศก์เมตร

                        ปริมาณน้ำระบายออกจากอ่างฯในเดือนสิงหาคม 2547 อยู่ในเกณฑ์เฉลี่ยวันละ 6     ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำระบายออกจากอ่างฯรวมกันตังแต่วันที่ 1 สิงหาคม ถึง วันที่ 19 สิงหาคม  2547 จำนวน 104 ล้านลูกบาศก์เมตร

                        เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2547 มีปริมาณน้ำใช้การได้ จำนวน 2,810 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 29 ของความจุใช้งานได้

            2.2 อ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์

                   ปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯในช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2547 อยู่ในเกณฑ์เฉลี่ยวันละ 49 ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นโดยลำดับ โดยมีปริมาณน้ำสูงสุดเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2547  จำนวน 59 ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯรวมกันตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม ถึง วันที่ 18 สิงหาคม 2547 จำนวน 927 ล้านลูกบาศก์เมตร

                        ปริมาณน้ำระบายออกจากอ่างฯในเดือนสิงหาคม 2547 อยู่ในเกณฑ์เฉลี่ยวันละ 4 ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำระบายออกจากอ่างฯรวมกันตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม ถึงวันที่ 19 สิงหาคม 2547 จำนวน 78 ล้านลูกบาศก์เมตร

เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2547  มีปริมาณน้ำใช้การได้ จำนวน 3,960 ล้านลูกบาศก์เมตรหรือคิดเป็นร้อยละ 59 ของความจุใช้การได้

ปริมาณน้ำใช้การได้ของอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพลและอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์รวมกันทั้งสองอ่างฯ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2547 จำนวน 6,770 ล้านลูกบาศก์เมตร

            2.3 อ่างเก็บน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์

                        ปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯในช่วงต้นเดือนเดือนสิงหาคม 2547 อยู่ในเกณฑ์วันละ 12 ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นโดยลำดับ โดยมีปริมาณน้ำสูงสุดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2547 จำนวน 27 ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯรวมกันตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม ถึง วันที่ 19 สิงหาคม 2547 จำนวน 339 ล้านลูกบาศก์เมตร

                        ปริมาณน้ำระบายออกจากอ่างฯ ในเดือนสิงหาคม 2547 อยู่ในเกณฑ์วันละ 16  ล้านลูกบาศก์เมตร และมีปริมาณน้ำระบายออกจากอ่างฯรวมกัน ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม ถึง วันที่ 19 สิงหาคม 2547 จำนวน 309 ล้านลูกบาศก์เมตร

                        เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2547 มีปริมาณน้ำใช้การได้ จำนวน 236 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 30 ของความจุใช้งานได้

          2.4 อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วไป

                        ปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำทั้งหมดของอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ จนถึง วันที่ 19 สิงหาคม 2547 อ่างเก็บน้ำส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ดี มีปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศเฉลี่ยร้อยละ 68 ของความจุอ่างทั้งหมด   โดยมีปริมาตรน้ำในอ่างฯในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ อยู่ร้อยละ 58 , 66, 77, และร้อยละ 62 ของความจุอ่างทั้งหมด มีเพียงอ่างเก็บน้ำแม่กวง และอ่างเก็บน้ำทับเสลา ที่มีปริมาตรน้ำในอ่างน้อยกว่าปกติ โดยมีปริมาตรน้ำในอ่างเพียงร้อยละ 25 และ 17 ของความจุอ่างทั้งหมด

3.สภาพน้ำท่า

            3.1 ลุ่มน้ำปิง

                   ปริมาณน้ำในแม่น้ำปิง ยังอยู่ในเกณฑ์น้อย ไม่มีผลกระทบต่อพื้นที่อยู่ริมแม่น้ำ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2547 ระดับน้ำบริเวณอำเภอเมือง (สะพานนวรัฐ) จังหวัดเชียงใหม่ ต่ำกว่าตลิ่ง 1.60 เมตร มีแนวโน้มลดลง

            3.2 ลุ่มน้ำวัง

                   ปริมาณน้ำในแม่น้ำวัง ยังอยู่ในเกณฑ์น้อย ไม่มีผลกระทบต่อพื้นที่อยู่ริมแม่น้ำ  เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2547 ระดับน้ำบริเวณอำเภอเมือง จังหวัดลำปาง ต่ำกว่าตลิ่ง 4.43 เมตร มีแนวโน้มลดลง

            3.3 ลุ่มน้ำยม

                   ปริมาณน้ำในแม่น้ำยม ยังอยู่ในเกณฑ์น้อย ไม่มีผลกระทบต่อพื้นที่อยู่ริมแม่น้ำ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2547 ระดับน้ำบริเวณอำเภอเมือง จังหวัดแพร่ ต่ำกว่าตลิ่ง 6.32 เมตร มีแนวโน้มลดลง

            3.4 ลุ่มน้ำน่าน

                   ปริมาณน้ำในแม่น้ำน่าน ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่มีผลกระทบต่อพื้นที่อยู่ริมแม่น้ำ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2547 ระดับน้ำบริเวณอำเภอเมือง จังหวัดน่าน ต่ำกว่าตลิ่ง 2.35 เมตร มีแนวโน้มลดลง

          3.5 ลุ่มน้ำเจ้าพระยา

          3.5.1 ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา

                   ปริมาณน้ำที่นครสวรรค์

                        ปริมาณน้ำไหลในแม่น้ำเจ้าพระยาที่จังหวัดนครสวรรค์ ในช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2547 มีปริมาณน้ำไหลอยู่ในเกณฑ์วันละ 95 ล้านลูกบาศก์เมตร ( 1,100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นโดยลำดับ และเริ่มลดลงในช่วงกลางเดือนสิงหาคม 2547 เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2547 มีปริมาณน้ำไหลอยู่ในเกณฑ์วันละ 93 ล้านลูกบาศก์เมตร (1,080 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที)

                   ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา

                        ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2547 มีปริมาณน้ำ 74 ล้านลูกบาศก์เมตร (856 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเพิ่มขึ้นโดยลำดับ มีปริมาณน้ำสูงสุดเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2547 จำนวน 107 ล้านลูกบาศก์เมตร (1,243 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที)

                   ปริมาณน้ำไหลผ่านจังหวัดชัยนาท จังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดอ่างทอง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดปทุมธานี และจังหวัดกรุงเทพมหานคร

                        ปริมาณน้ำไหลผ่านจังหวัดชัยนาท ถึง กรุงเทพมหานคร อยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่มีผลกระทบต่อพื้นที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2547 ระดับน้ำบริเวณอำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี ต่ำกว่าตลิ่ง 4.51 เมตร มีแนวโน้มลดลง

            3.5.2 ปริมาณน้ำในแม่น้ำป่าสัก

                        ปริมาณน้ำในแม่น้ำป่าสัก ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่มีผลกระทบต่อพื้นที่อยู่ริมแม่น้ำ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2547 ระดับน้ำบริเวณอำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ ต่ำกว่าตลิ่ง 6.83 เมตร และบริเวณอำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี  ต่ำกว่าตลิ่ง 3.04 เมตร มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

            3.6 ลุ่มน้ำชี

                        ปริมาณน้ำในแม่น้ำชีเริ่มมีผลกระทบต่อพื้นที่ที่อยู่ริมแม่น้ำ โดยเริ่มมีน้ำล้นตลิ่งที่ กิ่งอำเภอทุ่งเขาหลวง จังหวัดร้อยเอ็ด เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2547 ต่อมาในวันที่ 2 สิงหาคม 2547 น้ำเริ่มล้นตลิ่งที่ อำเภอมหาชนะชัย จังหวัดยโสธร ปัจจุบันระดับในแม่น้ำชีเริ่มลดลง แต่ยังคงมีสภาพน้ำล้นตลิ่ง บริเวณกิ่งอำเภอทุ่งเขาหลวง จังหวัดร้อยเอ็ด และบริเวณอำเภอมหาชนะชัย จังหวัดยโสธร  สูง 0.20 เมตร และ 1.22 เมตร ตามลำดับ

            3.7 ลุ่มน้ำมูล

                        ปริมาณน้ำในแม่น้ำมูลเริ่มมีผลกระทบต่อพื้นที่ที่อยู่ริมแม่น้ำ ในช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2547 โดยมีน้ำล้นตลิ่งบริเวณเมือง จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2547และน้ำล้นตลิ่งบริเวณอำเภอราศีไศล จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2547 ปัจจุบันระดับน้ำในแม่น้ำมูลเริ่มทรงตัว แต่ยังคงมีสภาพน้ำล้นตลิ่งบริเวณอำเภอราศีไศล จังหวัดศรีสะเกษ และ อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี สูง 0.70  และ 1.05 เมตร ตามลำดับ

            3.8 แม่น้ำปราจีนบุรี

                        ปริมาณน้ำในแม่น้ำปราจีนบุรีอยู่ในเกณฑ์มาก ไม่มีผลกระทบต่อพื้นที่อยู่ริมแม่น้ำ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2547 ระดับน้ำบริเวณ อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ต่ำกว่าตลิ่ง 1.38 เมตร มีแนวโน้มลดลง

3.9 แม่น้ำนครนายก

            ปริมาณน้ำในแม่น้ำนครนายกอยู่ในเกณฑ์น้อย ไม่มีผลกระทบต่อพื้นที่อยู่ริมแม่น้ำ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2547 ระดับน้ำบริเวณอำเภอเมือง จังหวัดนครนายก ต่ำกว่าตลิ่ง3.43 เมตร มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น                  

 

4.สภาพน้ำท่วม

            จ.ร้อยเอ็ด  

จากสภาพฝนที่ตกหนักทั่วทุกพื้นที่ในเขต จ. ร้อยเอ็ด เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2547  ปริมาณฝนสูงสุดวัดได้ 300.6 มม. และ 250 มม. ที่ อ.สุวรรณภูมิ  และกิ่ง อ.เชียงขวัญ ตามลำดับ ทำให้เกิดสภาพน้ำท่วมขังในเขตเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด และน้ำท่วมถนนสายร้อยเอ็ด-มหาสารคาม ชำรุดเสียหาย  ช่วงบ้านโคกสาย  ต.ดงลาน  แนวโน้มระดับน้ำท่วมขังในเขตเทศบาลจะเริ่มลดลงตั้งแต่ช่วงบ่ายวันนี้   และเกิดสภาวะน้ำท่วมขังพื้นที่การเกษตร ในเขต อ.เมือง  อ.จังหาร  อ.อาจสามารถ         อ.ธวัชบุรี  อ.เสลภูมิ  กิ่งอ.เชียงขวัญ  และ กิ่ง อ.ทุ่งเขาหลวง พื้นที่การเกษตร  139,100 ไร่  ถนน      25 สาย  พนังกั้นน้ำ 1 แห่ง  และฝายน้ำล้น 3 แห่ง 

โครงการชลประทานร้อยเอ็ด  สนับสนุนเครื่องสูบน้ำเข้าช่วยเหลือ  จำนวน 2 เครื่อง เพื่อสูบน้ำออกจากเขตเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด  1 เครื่อง  และพื้นที่เรือนจำจังหวัดร้อยเอ็ด 1 เครื่อง

จ.กาฬสินธุ์  จากสภาพฝนที่ตกหนักในวันที่ 27 ก.ค. 47 วัดได้สูงสุด  188.1 มม. ที่          อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์  ทำให้เกิดน้ำท่วมพื้นที่การเกษตรประมาณ 43,000 ไร่ และมีน้ำป่าจำนวนมากไหลลงคลอง  (side flow) ทำให้ระดับน้ำในคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้ายและฝั่งขวา  มีน้ำท่วมล้นคันคลองเป็นช่วงๆ คอนกรีตดาดคลอง Slide เป็นแห่งๆ จำนวนมาก   

จ.มหาสารคาม  จากสภาพฝนที่ตกติดต่อกันตั้งแต่วันที่ 22-28 ก.ค.47 ทำให้มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯเป็นจำนวนมาก  เกินขีดความสามารถที่อ่างฯจะเก็บกักไว้ได้   ไหลล้น Spillway ส่งผลให้พื้นที่ด้านด้านน้ำเกิดน้ำท่วมบ้านเรือนราษฎร และพื้นที่การเกษตร ต.ท่าตูม อ.เมือง ประมาณ 13,000 ไร่ 

จ.ศรีสะเกษ  เกิดฝนที่ตกหนักวัดได้  162.2 มม. เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2547  ทำให้เกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่บริเวณเทศบาลตำบลเมืองตง  และ อบต.เมืองตง  อ.ราษีไศล   มีราษฎรได้รับผลกระทบประมาณ  165 ครัวเรือน  และเข้าสู่ภาวะปกติในวันที่ 28 กรกฎาคม 2547  

โครงการชลประทานศรีสะเกษ  ได้ส่งเครื่องสูบน้ำเข้าช่วยเหลือ  จำนวน  1 เครื่อง

จ.ยโสธร  จากสภาพฝนตกหนักในช่วงวันที่ 21 -26 ก.ค.47  ทำให้เกิดสภาพน้ำท่วมขังพื้นที่การเกษตรใน 7 อำเภอ    ถนน และทางระบายน้ำ ชำรุดเสียหาย  16 แห่ง  ประกอบกับปริมาณน้ำในแม่น้ำชี  และลำเซบายตอนล่างมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นเอ่อล้นตลิ่ง   ทำให้น้ำที่ท่วมขังไม่สามารถระบายลงสู่ลำน้ำได้   ปัจจุบันระดับน้ำท่วมยังคงทรงตัว 

            จ.อำนาจเจริญ  เกิดสภาพน้ำท่วมในช่วงวันที่ 24 -30 ก.ค. 47  มีพื้นที่ประสบอุทกภัย  6 อำเภอ  20 ตำบล  104 หมู่บ้าน  พื้นที่การเกษตรถูกน้ำท่วม  26,119 ไร่  ถนนชำรุดเสียหาย  32 สาย  คอสะพาน 3 แห่ง 

            จ. อุบลราชธานี  เกิดสภาพน้ำทวมในช่วงวันที่  27 – 30 ก.ค. 47 มีพื้นที่ประสบภัย  4 อำเภอ ได้แก่ อ.ตระการพืชผล  อ.ม่วงสามสิบ  อ.ทุ่งศรีอุดม  และ อ.กุดข้าวปุ้น

จ.สกลนคร   จากสภาพน้ำล้นตลิ่งของแม่น้ำสงคราม (1 ส.ค. 47)  และลำน้ำยามซึ่งเป็นลำน้ำสาขาของแม่น้ำโขง ระดับน้ำสูงกว่าตลิ่งเฉลี่ย  1.00 เมตร  ทำให้เกิดสภาพน้ำท่วมบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ บริเวณ อ.สว่างแดนดิน 17,000 ไร่  น้ำท่วมสูงเฉลี่ย 0.50 เมตร  แนวโน้มระดับน้ำลดลงเรื่อยๆ

            จ.เชียงใหม่  จากสภาวะฝนตกหนักติดต่อกันเป็นเวลา 3 วัน  ปริมาณฝนสูงสุดได้ 68.3  มม. วันที่ 23 กรกฎาคม 2547  ในบริเวณพื้นที่ต้นน้ำของลำห้วยไคร้ ซึ่งเป็นลำห้วยสาขาของลำน้ำฝาง  ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรริมลำห้วยบริเวณ บ.บางปอย บ.เหมืองแร่ บ.สันดอยนาก  และ บ.บุญศิริธรรม ต.แม่คะ อ.ฝาง  มีบ้านเรือนราษฎรเสียหายจำนวน  84 หลังคาเรือน   สถานการณ์ได้เข้าสู่สภาวะปกติในวันที่ 26 กรกฎาคม 2547 คงเหลือแต่โคลนที่ไหลมากับน้ำทับถมอยู่จำนวนมาก

 จังหวัดเชียงราย

ในช่วงระหว่างวันที่ 8-18 สิงหาคม 2547 ได้เกิดน้ำท่วมในเขตพื้นที่ หมู่ที่ 4 หมู่ที่13 หมู่ที่15 และหมู่ที่18 ตำบลแม่เปา อำเภอพญาเม็งราย         เนื่องจากแม่น้ำแม่เปา แม่น้ำแม่ต๊ากไหลล้นตลิ่ง ปัจจุบันระดับลดลงเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว  ส่วนในพื้นที่ตำบลเม็งราย ตำบลแม่ต๋ำ อำเภอพญาเม็งราย น้ำในลำห้วยบ่อแสง ลำห้วยสาขาของแม่น้ำอิง ไหลล้นตลิ่งท่วมพื้นที่หมู่ที่ 3 บ้านสันป่าสัก ตำบลเม็งราย     บริเวณหมู่ที่ 5 บ้านแม่ต๋ำกลาง และหมู่ที่ 6 บ้านสันรวกทอง ตำบลแม่ต๋ำ  เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2547ระดับน้ำทรงตัว เนื่องจากระดับน้ำในลำน้ำอิงสูง การระบายน้ำของลำน้ำสาขาจึงระบายได้ช้า

          จังหวัดนครนายก

            ในช่วงระหว่างวันที่ 6-8 สิงหาคม 2547 ได้เกิดฝนตกหนักบริเวณเทือกเขาใหญ่ วัดปริมาณฝนสะสม 3 วัน (6-7-8 สิงหาคม 2547) ได้ 477 มิลลิเมตร ที่สถานีเหวนรก อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี  ทำให้มีปริมาณน้ำไหลลงคลองท่าด่าน จำนวน 112 ล้านลูกบาศก์เมตร (1,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) และไหลผ่านเขื่อนคลองท่าด่านในอัตรา 200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ประกอบกับมีปริมาณน้ำในลำน้ำสาขาไหลมาสมทบบริเวณแม่น้ำนครนายก ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำนครนายกมีระดับน้ำสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ไหลเข้าท่วมในเขตเทศบาลเมืองนครนายก มีน้ำท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำสูงประมาณ 30-40 เซนติเมตร และมีน้ำท่วมในพื้นที่บางส่วนของตำบลท่าช้าง ตำบลพรหมณี ตำบลบางอ้อ ตำบลทรายมูล และตำบลองครักษ์ อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก น้ำท่วมสูง 0.60 - 1.00 เมตร ระดับน้ำลดลงเข้าสู่ภาวะปกติ เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2547

            การให้ความช่วยเหลือ กรมชลประทานได้เร่งระบายน้ำจากแม่น้ำนครนายกในเกณฑ์วันละ 4.3 ล้านลูกบาศก์เมตร (  50 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที)  โดยระบายน้ำผ่านคลอง 29 ลงคลอง 15 ลงคลองรังสิต และระบายน้ำผ่านประตูระบายน้ำจุฬาลงกรณลงแม่น้ำเจ้าพระยาส่วนปริมาณน้ำบางส่วนในคลองรังสิตได้ผันมาลงคลอง 14 คลอง 15 และคลอง 16  เพื่อระบายลงคลองหกวาสายล่าง คลองแสนแสบ และคลองนครเนื่องเขต โดยระบายน้ำลงแม่น้ำบางปะกงที่ประตูระบายน้ำบางขนาก และประตูระบายน้ำท่าไข่ พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาด 24 นิ้ว จำนวน 4 เครื่อง เพื่อสูบน้ำที่ท่วมขังพื้นที่การเกษตรลงแม่น้ำนครนายก และติดตั้งเรือนาค ขนาด 28 นิ้ว จำนวน 4 ลำ ที่ประตูระบายน้ำจุฬาลงกรณ เพื่อช่วยเสริมการระบายน้ำลงแม่น้ำเจ้าพระยา

          จังหวัดปราจีนบุรี

          เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2547 ปริมาณน้ำในแม่น้ำปราจีนบุรีไหลเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มสองฝั่งแม่น้ำในเขตตำบลบุฝ้าย ตำบลหนองแก้ว ตำบลประจันตคาม ตำบลโพธิ์งาม อำเภอประจันตคามที่ พื้นที่การเกษตรถูกน้ำท่วม 20,000 ไร่   ระดับลดลงเข้าสู่ภาวะปกติ เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2547

            การให้ความช่วยเหลือ กรมชลประทานสนับสนุนเครื่องสูบน้ำ จำนวน 5 เครื่อง

จากสภาพฝนที่ตกหนักติดต่อกันในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคม ส่งผลให้ปริมาณน้ำในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพิ่มมากขึ้น และมีสภาพน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำสายหลัก และลำน้ำสาขาของแม่น้ำชี และมูล บริเวณจังหวัดกาฬสินธุ์  ร้อยเอ็ด  ยโสธร    ศรีสะเกษ  และอุบลราชธานี   ปัจจุบันระดับน้ำในแม่น้ำชีเริ่มลดลงแล้ว   แต่ยังคงมีสภาพน้ำล้นตลิ่ง บริเวณ กิ่งอ.ทุ่งเขาหลวง จ.ร้อยเอ็ด และ บริเวณ อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร ประมาณ 0.20 และ1.22 เมตร ตามลำดับ    ส่วนแม่น้ำมูล ยังคงมีสภาพน้ำล้นตลิ่งบริเวณอ.ราศีไศล จ.ศรีสะเกษ และ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี สูงประมาณ  0.70 และ 1.05 เมตร ตามลำดับ และมีแนวโน้มระดับน้ำทรงตัว

สำหรับจังหวัดเชียงราย ได้เกิดน้ำท่วมในเขตพื้นที่ หมู่ที่ 4 , 13 ,15 และ 18 ต.แม่เปา อ.พญาเม็งราย เนื่องจากแม่น้ำแม่เปา แม่น้ำแม่ต๊ากไหลล้นตลิ่ง ปัจจุบันระดับลดลงเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว

 ส่วนในพื้นที่ ต.เม็งราย ต.แม่ต๋ำ อ.พญาเม็งราย น้ำในลำห้วยบ่อแสง ลำห้วยสาขาของแม่น้ำอิง ไหลล้นตลิ่งท่วมพื้นที่หมู่ที่ 3 บ้านสันป่าสัก ต.เม็งราย  บริเวณหมู่ที่ 5 บ้านแม่ต๋ำกลาง และหมู่ที่ 6 บ้านสันรวกทอง ต.แม่ต๋ำ ปัจจุบันระดับน้ำทรงตัวเนื่องจากระดับน้ำในลำน้ำอิงสูง การระบายน้ำของลำน้ำสาขาจึงระบายได้ช้า    

3. การให้ความช่วยเหลือ

กรมชลประทานได้สนับสนุนเครื่องสูบน้ำ เข้าช่วยเหลือในพื้นที่น้ำท่วม เพื่อสูบน้ำระบายออกจากเขตชุมชน และพื้นที่การเกษตร  จำนวน 45 เครื่อง ในเขต จ.กาฬสินธุ์ 28 เครื่อง , จ.ร้อยเอ็ด 17 เครื่อง    และดำเนินการซ่อมแซมอาคารชลประทานที่ชำรุดเสียหายอย่างเร่งด่วนพร้อมประสานกับหน่วยงานในพื้นที่เพื่อแจ้งสถานการณ์ให้ทราบเป็นระยะ  สำหรับจังหวัดเชียงราย ได้สนับสนุนเครื่องสูบน้ำขนาด 8 นิ้ว จำนวน 2 เครื่อง รถบรรทุกน้ำ 1 คัน ช่วยเหลือในพื้นที่ ต.แม่เปา อ.พญาเม็งราย