+1                    ศูนย์ประสานและติดตามสถานการณ์น้ำ  กรมชลประทาน  กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

                        โทรศัพท์  0-2243-6956    โทรสาร 0-2243-6956, 0-2241-3350

                        Webpage : http://www.rid.go.th/flood ,   E-mail : flood44@mail.rid.go.th

_________________________________________________________

สรุปสถานการณ์น้ำในช่วงฤดูแล้งปี 2549

วันที่ 30 มีนาคม 2549

1.       สภาพภูมิอากาศ


คลื่นกระแสลมตะวันตกจะเคลื่อนจากประเทศพม่าเข้าปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ทำให้บริเวณดังกล่าวเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตก ขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงในระยะ 1-2 วันนี้ สำหรับบริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง

2. สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำ

สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ (วันที่ 30 มี.ค.49 ) มีปริมาตรน้ำในอ่างฯทั้งหมด  46,880 ล้าน ลบ.. หรือคิดเป็นร้อยละ 68 ของความจุอ่างฯทั้งหมด มากกว่าปี 2548 (39,393ล้านลูกบาศก์เมตร) ร้อยละ 19  ในช่วงเวลาเดียวกัน   

อ่างเก็บน้ำภูมิพลและอ่างเก็บน้ำสิริกิติ์ (วันที่ 30 มี.ค.49) มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ 8,649  และ 5,903 ล้าน ลบ.. ตามลำดับ  คิดเป็นร้อยละ 64 และ 62 ของความจุอ่างฯทั้งหมด ตามลำดับ โดยมีปริมาตรน้ำในอ่างฯทั้งสองรวมกัน จำนวน 14,552 ล้าน ลบ..

     อ่างเก็บน้ำที่อยู่ในเกณฑ์น้อย และเฝ้าระวัง 4 อ่าง ได้แก่

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  จำนวน 2 อ่างฯ

1. อ่างเก็บน้ำอุบลรัตน์  จังหวัดขอนแก่น

   วันที่( 29มี..49) มีปริมาณน้ำในอ่างฯ 744.25 ล้าน ลบ.. ( 32.88 %)

   วันที่ 28 มี..49มีปริมาณน้ำในอ่างฯ 746.00 ล้าน ลบ.. (32.95%)  มีน้ำไหลลงอ่างฯ  0.78 ล้าน ลบ..มีการระบายน้ำ 1.42 ล้าน ลบ..  (มีปริมาณน้ำระเหย 1.11 ล้าน ลบ..)

 2. อ่างเก็บน้ำลำนางรอง  จังหวัดบุรีรัมย์

   วันที่ 29 มี.. 49 มีปริมาณน้ำในอ่างฯ 37.50ล้าน ลบ.. ( 31.00 % )

   วันที่ 28 มี.. 49 มีปริมาณน้ำในอ่างฯ 37.74ล้าน ลบ.. (31.19%) ไม่มีฝนตกบริเวณอ่างฯ ไม่มีน้ำไหลลงอ่างฯ มีการใช้น้ำ 0.24 ล้าน ลบ..

    ภาคตะวันออก  จำนวน 1 อ่างฯ          

1.อ่างเก็บน้ำบางพระ จังหวัดชลบุรี

 วันนี้ ( 30 มี.. 49) มีปริมาณน้ำในอ่างฯ 33.40 ล้าน ลบ.. (28.54% )

 วันที่ 29มี.. 49 มีปริมาณน้ำในอ่างฯ 33.40 ล้าน ลบ.. ( 28.54%) ไม่มีฝนตกบริเวณอ่างฯ มีน้ำไหลลงอ่างฯ  0.09 ล้าน ลบ..มีการใช้น้ำ 0.09 ล้าน ลบ.. ทำให้วันนี้มีปริมาณน้ำในอ่างฯ เท่ากับเมื่อวาน กรณีที่ไม่มีฝนตกคาดว่าปริมาณ   น้ำที่มีอยู่จะสามารถใช้ได้ถึงเดือนสิงหาคม 2549

    ภาคกลาง  จำนวน 1 อ่างฯ

1. อ่างเก็บน้ำทับเสลา จังหวัดอุทัยธานี

   วันนี้ 30 มี.. 49  มีปริมาณน้ำในอ่างฯ 56.23 ล้าน ลบ.. ( 35.14% )

วันที่ 29 มี.. 49 มีปริมาณน้ำในอ่างฯ 56.33 ล้าน ลบ.. ( 35.21 %) ไม่มีฝนตกบริเวณอ่างฯ ไม่มีน้ำไหล      ลงอ่างฯ  มีการใช้น้ำ  0.10 ล้าน ลบ..กรณีที่ไม่มีฝนตกมาเพิ่มคาดว่าปริมาณน้ำที่มีอยู่ในอ่างฯจะใช้ได้ถึงเดือน ธันวาคม 2549

3. สถานการณ์น้ำในภาคตะวันออก

      จังหวัดระยอง   วันที่ 30 มีนาคม 2549 อ่างฯดอกกราย หนองปลาไหล และคลองใหญ่ มีปริมาตรน้ำในอ่างฯรวมกันทั้ง 3 อ่าง จำนวน 174.69 ล้าน ลบ.. และปัจจุบันมีการใช้น้ำเฉลี่ยวันละ 0.79 ล้าน ลบ.. ปริมาณน้ำจำนวนนี้จะส่งให้จังหวัดชลบุรี วันละ 0.15 ล้าน ลบ.. (54.75 ล้าน ลบ../ปี) จากการคาดการณ์พบว่าปริมาตรน้ำในอ่างฯทั้ง 3 อ่างรวมกันที่มีอยู่ในปัจจุบัน  สามารถสนับสนุนการใช้น้ำในกิจกรรมต่างๆ ได้เพียงพอโดยไม่ก่อให้เกิดภาวะขาดแคลนน้ำแต่อย่างใด  โดยเมื่อสิ้นเดือนสิงหาคม 2549 จะมีปริมาตรน้ำในอ่างฯทั้ง 3 อ่าง รวมกันน้อยที่สุด จำนวน  107.36 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 39 ของความจุอ่างฯทั้งหมดที่ระดับเก็บกักปกติ  

     จังหวัดชลบุรี  ปัจจุบันมีการใช้น้ำเฉลี่ยวันละ 0.317 ล้าน ลบ.. มีการผันน้ำจากอ่างฯหนองปลาไหลมาเสริมวันละ 0.15 ล้าน ลบ.. (54.75 ล้าน ลบ../ปี) และใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำในจังหวัดชลบุรี ประมาณวันละ 0.167 ล้าน ลบ.. ปัจจุบัน วันที่ 30 มีนาคม 2549  ปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำฯรวม 7 แห่ง จำนวน 67.56 ล้าน ลบ.. ภายหลังจากการส่งน้ำสนับสนุนการใช้น้ำในจังหวัดชลบุรี พบว่าปริมาณน้ำในอ่างฯมีเพียงพอโดยไม่ก่อให้เกิดภาวะขาดแคลนจนถึงสิ้นฤดูแล้ง หากเกิดสภาวะฝนตกล่าช้า(ถึงเดือนสิงหาคม 2549) ดังเช่นปี 2548 ที่ผ่านมา ก็ยังคงมีปริมาณน้ำคงเหลือในอ่างเก็บน้ำประมาณ 41.44 ล้าน ลบ.. หรือคิดเป็นร้อยละ 23 ของความจุของอ่างฯทั้งหมดที่ระดับเก็บกัก 

4. สภาพน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา

            ปัจจุบัน (30 มี.ค.49) ปริมาณน้ำไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์ 276 ลบ.ม./วินาที ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา 45 ลบ.ม./วินาที โดยมีระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา +14.78 ม. (รทก.) เขื่อนพระรามหกระบายน้ำ       10  ลบ.ม./วินาที

5. การจัดสรรน้ำ และการปลูกพืชฤดูแล้งปี 2549

               อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2548 มีปริมาณน้ำใช้การได้รวมกันทั้งประเทศ 32,405 ล้านลูกบาศก์เมตร ได้กำหนดแผนการระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ (31 อ่างฯ) ในช่วงฤดูแล้งปี2549 (1 พฤศจิกายน 2548 -30 เมษายน 2549) จำนวน 15,934 ล้านลูกบาศก์เมตร มีพื้นที่เป้าหมายปลูกพืชฤดูแล้งปี 2548/2549  ในเขตชลประทาน  โดยแยกเป็นข้าวนาปรัง 5.84 ล้านไร่ พืชไร่-พืชผัก 0.90 ล้านไร่   วันที่ 30 มี.ค. 2549 ได้ระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำไปแล้ว 14,030 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยเกษตรกรได้ปลูกข้าวนาปรังไปแล้ว 7.45 ล้านไร่  เก็บเกี่ยวแล้ว 1.70 ล้านไร่   และพืชไร่-พืชผัก 0.70 ล้านไร่  เก็บเกี่ยวแล้ว 0.06 ล้านไร่  และพืชอื่นๆ   2.83  ล้านไร่ 

               สำหรับในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยาบริเวณท้ายเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และเขื่อนแม่กลอง ได้กำหนดแผนการระบายน้ำจากอ่างฯ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2548 ถึง 30 เมษายน 2549 จำนวน 7,550 ล้านลูกบาศก์เมตร มีพื้นที่เป้าหมายปลูกพืชฤดูแล้งปี 2548/2549 ในเขตชลประทาน โดยแยกเป็นข้าวนาปรัง 3.79 ล้านไร่ พืชไร่พืชผัก 0.11 ล้านไร่   วันที่ 30 มี.ค. 2549 ได้ระบายน้ำออกจากอ่างเก็บน้ำไปแล้ว 7,249 ล้านลูกบาศก์เมตร   โดยเกษตรกรปลูกข้าวนาปรังไปแล้ว 5.39 ล้านไร่ เก็บเกี่ยวแล้ว 1.36 ล้านไร่ และพืชไร่- พืชผัก 0.09 ล้านไร่ เก็บเกี่ยวแล้ว  0.07  ล้านไร่

6. คุณภาพน้ำ

            สภาพความเค็มของแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่ในเกณฑ์ที่เฝ้าระวัง โดยวันที่ 27 มี.ค.49 ที่จุดเฝ้าระวังความเค็ม  บริเวณ .นนทบุรี วัดได้ 0.195 กรัม /ลิตร อยู่ในเกณฑ์ที่เฝ้าระวัง (จุดควบคุมความเค็มที่ .นนทบุรี ไม่เกิน  2.0 กรัม/ลิตร   สำหรับที่บริเวณสะพานพุทธฯ (50 กม.จากปากแม่น้ำ) เมื่อวันที่ 28 มี.ค.49 วัดได้ 3.01 กรัม /ลิตร  

             สภาพความเค็มของแม่น้ำบางปะกงอยู่ในเกณฑ์สูง เกินเกณฑ์ที่เฝ้าระวัง  จากการตรวจวัดที่จุดเฝ้าระวังความเค็มสะพานบางขนาก เมื่อวันที่ 23 มี.ค.49  วัดได้ 9.525 กรัม /ลิตร (จุดควบคุมความเค็มที่ สะพานบางขนาก ไม่เกิน 2.0 กรัม/ลิตร )

7. สถานการณ์ภัยแล้ง

            จากข้อมูลกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย วันที่ 23 มี. 49 รายงานพื้นที่ประสบความแห้งแล้ง จำนวน 59 จังหวัด 448 อำเภอ 45 กิ่งอำเภอ 3,251 ตำบล 28,127 หมู่บ้าน คิดเป็นร้อยละ 38% ของจำนวนหมู่บ้านทั่วประเทศ 73,963 หมู่บ้าน แยกเป็น

ภาคเหนือ 17 จังหวัด ได้แก่  จังหวัดพิษณุโลก  นครสวรรค์  ลำพูน  แพร่  อุทัยธานี  เชียงราย  กำแพงเพชร  ตาก  ลำปาง  เพชรบูรณ์  น่าน  พิจิตร อุตรดิตถ์  สุโขทัย  แม่ฮ่องสอน  เชียงใหม่  และพะเยา

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด ได้แก่  จังหวัดชัยภูมิ  ยโสธร  มหาสารคาม  นครราชสีมา  บุรีรัมย์  ขอนแก่น  อุดรธานี  เลย  นครพนม  ศรีสะเกษ  อุบลราชธานี  สกลนคร  หนองคาย  หนองบัวลำภู  กาฬสินธุ์ อำนาจเจริญ  สุรินทร์ มุกดาหาร  และ ร้อยเอ็ด

ภาคกลาง 10 จังหวัด ได้แก่  จังหวัดลพบุรี  สุพรรณบุรี  ราชบุรี  พระนครศรีอยุธยา สิงห์บุรี เพชรบุรี  กาญจนบุรี  สระบุรี  สมุทรสงคราม  และชัยนาท

ภาคตะวันออก 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดปราจีนบุรี  สระแก้ว   ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ชลบุรี  ระยอง ตราด และนครนายก

ภาคใต้ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสตูล ระนอง  ชุมพร  ตรัง และและนราธิวาส

8. การให้ความช่วยเหลือ

กรมชลประทานได้วางแผนเตรียมเครื่องสูบน้ำไว้ช่วยเหลือในฤดูแล้งปี 2549 ทั้งประเทศ จำนวน 1,200 เครื่อง โดยแยกเป็น ภาคเหนือ 285 เครื่อง  ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  340 เครื่อง  ภาคกลาง 270 เครื่อง  ภาคตะวันออก  70  เครื่อง  ภาคตะวันตก 60 เครื่อง  และภาคใต้  175 เครื่อง   และเตรียมรถยนต์บรรทุกน้ำไว้ช่วยเหลือทั้งประเทศ จำนวน  295 คัน แยกเป็น ภาคเหนือ 55 คัน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 90 คัน ภาคกลาง 36 คัน  ภาคตะวันออก 64 คัน  ภาคตะวันตก 14 คัน  และภาคใต้  36 คัน  

ปัจจุบันได้ส่งเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ช่วยเหลือการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง  และการอุปโภค - บริโภค ปี 2549  ทั่วประเทศทั้งในเขตและนอกเขตชลประทาน จำนวน 840 เครื่อง ได้แก่ ภาคเหนือ 237 เครื่อง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  298 เครื่อง  ภาคกลาง 157 เครื่อง  ภาคตะวันออก  64  เครื่อง  ภาคตะวันตก 49 เครื่อง  และภาคใต้  35 เครื่อง  โดยแยกเป็นในเขตชลประทาน 651 เครื่อง  ช่วยเหลือนาปรังได้ 407,964 ไร่  พืชไร่ 42,802 ไร่ นอกเขตชลประทาน 189 เครื่อง  ช่วยเหลือนาปรังได้ 43,874 ไร่  พืชไร่ 9,987 ไร่  และช่วยเหลือการอุปโภค – บริโภค  ในบริเวณ 14 จังหวัด  ช่วยเหลือได้ 264 หมู่บ้าน 14,854 ครัวเรือน  คิดเป็นปริมาณน้ำ 16.49 ล้าน ลบ.ม.    

สำหรับรถยนต์บรรทุกน้ำปัจจุบันได้ส่งไปช่วยเหลือรวมจำนวน  64  คัน  แยกเป็น  ภาคเหนือ 5 คัน  ในเขต  จ.ตาก 1  คัน ,  จ.น่าน 3 คัน , จ.พิจิตร 1 คัน   ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  4  คัน  ในเขต  จ.อำนาจเจริญ 1 คัน  ,   จ.สุรินทร์ 2 คัน  , จ.ศรีสะเกษ 1 คัน    และภาคตะวันออก 55 คัน ในเขต จ.นครนายก 2 คัน , จ.ปราจีน 5 คัน           จ.สระแก้ว 3 คัน  , จ.ฉะเชิงเทรา 5 คัน , จ.ชลบุรี 1 คัน , จ.ระยอง 12 คัน  , จ.จันทบุรี 14 คัน , จ.ตราด 13 คัน  โดยในส่วนของภาคตะวันออกช่วยเหลือได้ 750 ครัวเรือน ปริมาณฯ้ำสะสมทั้งสิ้น 4,960,000 ลิตร

________________________________