[1]สรุปผลการจัดสรรน้ำและการปลูกพืชฤดูแล้ง

ในเขตชลประทาน  ปี 2544/45

ระหว่างวันที่ 1มกราคม ถึง 31 พฤษภาคม 2545

-----------------------------------------------

 

1.    สภาพฝนในช่วงฤดูแล้ง ปี 2545

ปริมาณฝนในช่วงฤดูแล้ง ปี 2545 ที่ผ่านมา  ทั่วทุกภาคมีฝนตกดีโดยทั่วไป  คงมีเฉพาะเดือนกุมภาพันธ์กับเดือนเมษายนที่มีฝนตกน้อย  และในเดือนพฤษภาคมปีนี้ฝนมาเร็ว โดยเริ่มมีฝนตกเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ต้นเดือน  เป็นประโยชน์ต่อการใช้น้ำปลายฤดูแล้ง

สำหรับปริมาณฝนตกสะสมตั้งแต่เดือนมกราคมถึงพฤษภาคม 2545  เฉลี่ยทั้งประเทศประมาณ  336  มิลลิเมตร  อยู่ในเกณฑ์ปกติ  รายละเอียดตามตารางที่แนบ

 

2.    สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ

เนื่องจากในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม เกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรและการอุปโภค-บริโภคขึ้นในหลายพื้นที่  ทำให้อ่างเก็บน้ำหลายแห่งต้องระบายน้ำมากกว่าแผนที่ได้กำหนดไว้  โดยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม  ถึง 31 พฤษภาคม  2545  ได้ระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่รวมกัน  ประมาณ  16,773  ล้านลูกบาศก์เมตร  หรือคิดเป็นร้อยละ 104  ของเป้าหมาย  (เป้าหมาย 16,150 ล้านลูกบาศก์เมตร)

สำหรับอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม  ถึง 31 พฤษภาคม  2545  ได้ระบายน้ำรวมทั้งสิ้น  7,231  ล้านลูกบาศก์เมตร  หรือคิดเป็นร้อยละ 103   ของเป้าหมาย (เป้าหมาย 7,000 ล้านลูกบาศก์เมตร)  โดยอ่างเก็บน้ำทั้งสองแห่งได้ระบายน้ำมากกว่าแผนตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมเป็นต้นมา ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนการปลูกพืชพืชฤดูแล้งในเขตโครงการเจ้าพระยาใหญ่ที่มีการเพาะปลูกมากกว่าเป้าหมายเป็นจำนวนมาก

อ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์และเขื่อนวชิราลงกรณ  ได้ระบายน้ำรวมทั้งสิ้น  4,467  ล้านลูกบาศก์เมตร  หรือคิดเป็นร้อยละ 112   ของเป้าหมาย (เป้าหมาย 4,000 ล้านลูกบาศก์เมตร)  โดยทั่วไปแล้วอ่างเก็บน้ำทั้งสองแห่งได้ระบายน้ำมากกว่าแผน เพื่อสนับสนุนการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง  แก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสีย การผลิตกระแสไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น และเพื่อพร่องน้ำในอ่างเก็บน้ำเตรียมรับน้ำในช่วงฤดูฝน ปี  2545

อ่างเก็บน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์  ช่วงต้นฤดูแล้งมีความจุใช้การได้ ประมาณ 819 ล้านลูกบาศก์เมตร  ได้วางแผนระบายน้ำในช่วงฤดูแล้งไว้ 500 ล้านลูกบาศก์เมตร  ได้จัดสรรน้ำไปแล้วประมาณ  674  ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ  135  ของแผนการระบายน้ำ  โดยในช่วงปลายเดือนมีนาคม  2545  เกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำในโครงการเจ้าพระยาใหญ่  บริเวณทุ่งฝั่งตะวันออกตอนล่าง ทำให้ต้องเพิ่มการระบายน้ำเพื่อช่วยเหลือพื้นที่ดังกล่าว โดยระบายน้ำเพิ่มเป็นวันละประมาณ 6 ล้านลูกบาศก์เมตร จากสถานการณ์ฝนที่ตกอย่างต่อเนื่องทำให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนป่าสักฯ เพิ่มขึ้น  จนถึงปัจจุบันมีปริมาณน้ำใช้การได้  ประมาณ  386  ล้านลูกบาศก์เมตร  หรือร้อยละ 40   ของความจุใช้การได้ทั้งหมด

อนึ่ง สภาพการระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่เป็นข้อมูลการระบายน้ำ จนถึงวันที่ 31  พฤษภาคม  2545  ยังเหลือการระบายน้ำในช่วงปลายฤดูแล้งของเดือนมิถุนายนอีก  1  เดือน  รายละเอียดตามตารางที่แนบ

 

3.      สภาพการใช้น้ำ

3.1  ลุ่มน้ำเจ้าพระยา

อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล  เขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ได้ระบายน้ำเพื่อสนับสนุนการใช้น้ำต่างๆรวมกัน 7,298 ล้าน ลบ.ม. โดยมีการใช้น้ำในพื้นที่ต่างๆคือ

·       การใช้น้ำในโครงการชลประทานพิษณุโลก  มีการใช้น้ำรวม 656 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 131 ของแผน (500ล้าน ลบ.ม.)  อัตราการใช้น้ำระหว่าง 2 – 74 ลบ.ม./วิ. โดยมีค่าการใช้น้ำสูงสุดในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ สามารถปลูกข้าวนาปรังได้ 600,737  ไร่

·       การใช้น้ำในเขตโครงการชลประทานเจ้าพระยาใหญ่  มีการใช้น้ำรวม 4,692 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 109 ของแผน (4,300 ล้าน ลบ.ม.)  อัตราการใช้น้ำระหว่าง 190 – 510 ลบ.ม./วิ. โดยมีค่าการใช้น้ำสูงสุดในช่วงปลายเดือนมีนาคม สามารถปลูกข้าวนาปรังได้  3,977,920 ไร่ และพืชไร่-พืชผัก  42,673  ไร่

·       การระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา เพื่อใช้ในการอุปโภค-บริโภค การประปานครหลวง การเดินเรือ การผลักดันน้ำเค็มบริเวณปากแม่น้ำ  รวมการระบายน้ำประมาณ 770 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 55 ของแผน (1,400 ล้าน ลบ.ม.) มีระดับน้ำเหนือเขื่อนต่ำสุดที่ระดับ +14.40 ม.รทก. ในช่วงวันที่ 6 มกราคม  2545

·       การระบายน้ำท้ายเขื่อนพระรามหก  ในช่วงต้นฤดูไม่มีการระบายน้ำผ่านสามารถใช้น้ำเหลือใช้ในปลายฤดูฝนได้  โดยเริ่มราบน้ำตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป ในอัตราประมาณ 5-10 ลบ.ม./วิ.  รวมระบายน้ำประมาณ  64 ล้าน ลบ.ม.

·       สภาพปัญหา

(1)     ปัญหาการทำนาปรังเกินเป้าหมาย  ทำให้ต้องปรับแผนการใช้น้ำจากอ่างฯ  ในลุ่มน้ำเจ้าพระยา  ช่วงต้นเดือนเมษายน  2545  จนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม  2545

(2)     คุณภาพน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยาที่บริเวณสะพานพุทธยอดฟ้า มีสภาพความเค็มอยู่ในเกณฑ์  4.70  กรัมต่อลิตร (เกณฑ์ควบคุม  2  กรัมต่อลิตร)  ในช่วงปลายเดือนมกราคม  2545   ซึ่งแก้ไขโดยการเพิ่มปริมาณน้ำระบายท้ายเขื่อนเจ้าพระยาและระบายท้ายเขื่อนพระรามหกเป็นบางครั้งตามช่วงเวลาที่น้ำทะเลหนุนสูง  ทำให้สภาพความเค็มเข้าสู่ภาวะปกติตั้งแต่เดือนมีนาคม  2545

(3)     ปัญหาการขาดแคลนน้ำในโครงการเจ้าพระยาใหญ่ บริเวณทุ่งฝั่งตะวันออกตอนล่าง ในช่วงต้นเดือนเมษายน  2545   เนื่องจากเกษตรกรกักตุนน้ำไว้ใช้เพื่อการเกษตร  และการอุปโภค-บริโภค ประกอบกับพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปรังนอกแผนที่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก  ส่งผลกระทบต่อแหล่งผลิตน้ำประปาในเขต จ.ฉะเชิงเทรา  ซึ่งแก้ไขโดยการเพิ่มการรับน้ำเข้าคลองระพีพัฒน์  พร้อมทั้งควบคุมการระบายน้ำของ ปตร.ปลายคลอง 13 และประชาสัมพันธ์ในเรื่องของปริมาณน้ำต้นทุนให้ประชาชนทราบ ทำให้สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติในปลายเดือนเมษายน  2545

(4)     ปัญหาเรือบรรทุกติดค้างในแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงแม่น้ำสุพรรณ ช่วงเดือนมกราคม ถึงกุมภาพันธ์  2545  เนื่องจากมีปริมาณน้ำน้อยโดยเฉพาะเรือที่กินน้ำลึก  ซึ่งได้แก้ไขโดยการเพิ่มปริมาณการระบายน้ำเป็นครั้งคราว รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ชาวเรือทราบถึงสถานการณ์และกำหนดเวลาเดินเรือ

3.2  ลุ่มน้ำแม่กลอง

ระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ และเขื่อนวชิราลงกรณ รวมกันประมาณ 4,012 ล้าน ลบ.ม. ได้ผันน้ำเข้าคลองส่งน้ำในเขตโครงการแม่กลองใหญ่ จำนวน 2,981 ล้าน ลบ.ม. มีอัตราการใช้น้ำระหว่าง  0 – 28 ล้าน ลบ.ม.  โดยมีการใช้น้ำมากสุดเมื่อ วันที่  21 พฤษภาคม  2545และระบายน้ำผ่านเขื่อนแม่กลองตั้งแต่ วันที่ 1 ม.ค. เป็นต้นมา จำนวน 1,641 ล้าน ลบ.ม. ในช่วงปลายเดือนมกราคม  2545  เกิดปัญหาน้ำในแม่น้ำแม่กลองเน่าเสียบริเวณ จ.ราชบุรี  และ จ.สมุทรสงคราม  ซึ่งแก้ไขโดยเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนแม่กลองจนสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2545   สามารถระบายน้ำเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวนาปรังได้ 849,530 ไร่ และพืชไร่-พืชผัก 222,851 ไร่

การผันน้ำจากลุ่มน้ำแม่กลองผ่านคลองจระเข้สามพันและคลองท่าสารบางปลาจำนวน  317 ล้าน ลบ.ม. อัตราระหว่าง 0 - 32  ลบ.ม./วิ

 

3.3  ลุ่มน้ำชี

มีอ่างเก็บน้ำเขื่อนจุฬาภรณ์  เขื่อนอุบลรัตน์  และเขื่อนลำปาว เป็นแหล่งน้ำต้นทุน  ได้ระบายน้ำรวมกันประมาณ 1,582  ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 116 ของแผน (1,360 ล้าน ลบ.ม.)

3.4  ลุ่มน้ำภาคตะวันออก

สถานการณ์ขาดแคลนน้ำของชาวสวนผลไม้ เนื่องจากปริมาณน้ำในแหล่งเก็บน้ำมีปริมาณน้อย  ซึ่งได้ดำเนินการแก้ไขโดยการสนับสนุนรถยนต์บรรทุกน้ำเข้าช่วยเหลือตามพื้นที่ต่างๆ

สำหรับอ่างเก็บน้ำเขื่อนบางพระ  จ.ชลบุรี  มีปริมาณน้ำต้นทุนน้อย  จึงมีการจัดสรรน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคเท่านั้น  ปัจจุบันปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อยมาก  คือประมาณร้อยละ 4  ของความจุที่นำไปใช้งานได้  (วันที่ 31  พ.ค.  2545)

3.5  ลุ่มน้ำอื่นๆ

สภาพการใช้น้ำโดยทั่วไป  เป็นไปตามแผนการจัดสรรน้ำที่กำหนดไว้  คาดว่า เกษตรกรจะเก็บเกี่ยวผลผลิตเสร็จสิ้นในช่วงปลายเดือนมิถุนายน

 

4      การปลูกพืชฤดูแล้งในเขตชลประทานทั่วประเทศ

ผลการปลูกพืชในเขตชลประทานทั่วประเทศรวมเป็นพื้นที่  7.40  ล้านไร่  หรือคิดเป็นร้อยละ  116  ของเป้าหมาย (เป้าหมาย  6.38  ล้านไร่)  โดยจำแนกตามชนิดของพืชที่ปลูกได้ดังนี้

4.1   ข้าวนาปรัง

มีพื้นที่ปลูกข้าวนาปรัง  6.60  ล้านไร่  หรือร้อยละ 127  ของพื้นที่เป้าหมาย (เป้าหมาย  5.23 ล้านไร่)  และจนถึงเดือนพฤษภาคม    เกษตรกรได้เก็บเกี่ยวแล้ว  3.94  ล้านไร่  แหล่งปลูกข้าวที่สำคัญ คือ

ก) โครงการชลประทานพิษณุโลกและเจ้าพระยาใหญ่ ได้ปลูกข้าวนาปรังรวม  4.58  ล้านไร่   หรือคิดเป็นร้อยละ 139   ของพื้นที่เป้าหมาย (เป้าหมาย 3.30 ล้านไร่)     โดยมีพื้นที่เก็บเกี่ยวไปแล้ว 3.53  ล้านไร่

ข)   โครงการชลประทานแม่กลองใหญ่  มีการปลูกข้าวนาปรัง 0.85 ล้านไร่  หรือคิดเป็นร้อยละ 111  ของพื้นที่เป้าหมาย (เป้าหมาย  0.77  ล้านไร่)  โดยมีพื้นที่เก็บเกี่ยวไปแล้ว  0.33  ล้านไร่

4.2 พืชไร่-พืชผัก

                   มีพื้นที่เพาะปลูกในเขตชลประทานทั่วประเทศทั้งหมด  0.76  ล้านไร่  หรือคิดเป็นร้อยละ 67  ของเป้าหมาย (เป้าหมาย  1.15  ล้านไร่)

                   สำหรับพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาที่รับน้ำจากเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ มีการปลูกพืชไร่-พืชผัก รวม  0.03  ล้านไร่  หรือคิดเป็นร้อยละ  81  ของพื้นที่เป้าหมาย (เป้าหมาย 0.04  ล้านไร่)

                   สรุปพื้นที่เพาะปลูกพืชฤดูแล้งปี 2544/45    ในปัจจุบันของเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยาตามตารางที่แนบ

 

5        การให้ความช่วยเหลือ

5.1 การสนับสนุนเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ เพื่อการปลูกพืชฤดูแล้ง

                   ได้จัดส่งเครื่องสูบน้ำ  จำนวน 1,566 เครื่อง  หรือเป็นร้อยละ 89  ของเป้าหมาย (เป้าหมาย  1,750   เครื่อง)  ในบริเวณ  58  จังหวัด  195  อำเภอ  375  ตำบล  สามารถช่วยเหลือการปลูกข้าวนาปรังและพืชไร่  รวมเป็นพื้นที่  0.95  ล้านไร่

5.2  การสนับสนุน รถยนต์บรรทุกน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค  และช่วยเหลือชาว

               สวนผลไม้

สนับสนุนรถยนต์บรรทุกน้ำหมุนเวียนช่วยเหลือการอุปโภค-บริโภค และสวนผลไม้ในภาคตะวันออก  จำนวน  57  คัน (แผน 60 คัน)  ในบริเวณ  8  จังหวัด  จำนวน 6,659  ครัวเรือน  ช่วยเหลือสวนผลไม้ได้ 3,678 ไร่ คิดเป็นปริมาตรน้ำ 54.353 ล้านลิตรรายละเอียดตามตารางที่แนบ

 

6        สถานการณ์น้ำในปัจจุบัน

ตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม  2545  เป็นต้นมา  ได้เกิดสภาพฝนตกกระจายทั่วทุกภาคของประเทศ จนถึงฝนตกหนักถึงหนักมากต่อเนื่อง  ทำให้เกิดสภาวะน้ำล้นตลิ่งในบางพื้นที่ของภาคเหนือ  บริเวณ  จ.เชียงใหม่,  จ.ตาก  และ จ.น่าน  ซึ่งทางกรมอุตุนิยมวิทยาได้แจ้งว่าฤดูฝนปีนี้มาเร็วกว่าปกติประมาณ  1  สัปดาห์  โดยในภาคเหนือและภาคกลางเข้าสู่ฤดูฝน  ตั้งแต่วันที่  11  พ.ค.  2545  ทำให้สภาพน้ำท่าในลำน้ำต่างๆ  เริ่มมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น

สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ เมื่อวันที่  31  พ.ค.  2545  มีปริมาณน้ำใช้งานได้อยู่ในเกณฑ์ร้อยละ  35-75  ของความจุใช้งานได้  ยกเว้น  อ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์,  เขื่อนสิรินธร,  เขื่อนทับเสลา  และเขื่อนบางพระ  ที่มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อย  คือประมาณร้อยละ  28,  6,  20  และ 4  ตามลำดับ

 

.                                                                        .

 

 

ศูนย์ปฏิบัติการจัดสรรน้ำ



[1] Wmoc4/c/ministry_r/dry45.doc