|
|
|
|
การศึกษาเกณฑ์การควบคุมน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนห้วยน้ำใส |
Reservoir Rule Curve Study of Huay Prong Dam |
บทคัดย่อ
การศึกษาเกณฑ์การควบคุมน้ำในอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำใส อ.ชะอวด จ. นครศรีธรรมราช มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทางในการบริหารน้ำในอ่างเก็บน้ำที่เหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุดโดยให้มีความสอดคล้องกับปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำและความใช้น้ำของกิจกรรมต่างๆทางด้านท้ายน้ำ ให้มีความเสี่ยงต่อการเกอดการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้งและมีสภาพน้ำล้นอ่างเก็บน้ำในช่วงฤดูฝนน้อยที่สุด
วิธีการศึกษาแบ่งออกได้เป็น 2 กรณี คือในกรณีที่ 1 คิดพื้นที่ในชลประทานในปัจจุบัน และกรณีที่ 2 คิดพื้นที่ชลประทานจากการขยายพื้นที่หลังจากมีอ่างเก็บน้ำเขื่อนห้วยน้ำใส ในแต่ละกรณีได้แบ่งการศึกษาออกเป็น 2 ขั้นตอน คือขั้นตอนในการศึกษาหาความต้องการน้ำและขั้นตอนในการศึกษาสมดุลของน้ำในอ่างเก็บน้ำจากแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ โดยใช้ข้อมูลที่จัดเก็บรวมไว้ทั้งหมด 19 ปี นำมาคำนวณหาเกณฑ์การกักเก็บน้ำที่เหมาะสมที่สุด ในการศึกษาจะมีการวิเคราะห์และปรับแก้กรณีศึกษาต่างๆตามที่ได้ตั้งสมมุติฐานไว้
ผลจากการศึกษาในกรณีที่ 1 จากการปรับระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำเพื่อให้ได้ค่าระดับน้ำที่เหมาะสมต่อความต้องการใช้น้ำในปัจจุบัน ในกรณีศึกษาต้องการระดับเก็บกักน้ำที่สามารถจะรองรับปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำและป้องกันน้ำล้นอ่างเก็บน้ำที่อาจเกิดขึ้นในช่วงฤดูน้ำหลาก จึงควรกำหนดให้มีการระบายน้ำพร่องอ่างเก็บน้ำในช่วงเดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายน เพื่อที่จะรองรับปริมาณน้ำที่จะไหลลงอ่างเก็บน้ำในเดือนพฤศจิกายน และต้นเดือนธันวาคม ส่วนเกณฑ์เก็บกักน้ำต่ำสุดนั้น เนื่องจากความต้องการน้ำก่อนการสร้างอ่างเก็บน้ำยังไม่มีมากนัก จึงได้เกณฑ์เก็บกักน้ำต่ำสุดจากการปรับระดับให้สอดคล้องกับเกณฑ์เก็บกักน้ำสูงสุด โดยให้มีการใช้น้ำได้มากในช่วงฤดูฝนและเก็บกักน้ำให้สูงในช่วงฤดูแล้ง และยอมให้มีการใช้น้ำมากที่สุดในช่วงเดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายน
ในกรณีที่ 2 ความต้องการน้ำจากพื้นที่ชลประทานที่ใช้ขยายออกจนเต็มพื้นที่ มีค่าความต้องการในช่วงฤดูฝนประมาร 63 ล้าน ม. พื้นที่เพาะปลูกจะเพิ่มขึ้นตามการขยายเพิ่มพื้นที่ในโครงการฯเฉพาะในช่วงฤดูฝน ส่วนในฤดูแล้งจะกำหนดให้มีการพะปลูกโดยเฉลี่ยเช่นเดียวกับสภาพปัจจุบัน ในการกำหนดเกณฑ์เก็บกักน้ำสูงสุดจำเป็นต้องปรับระดับให้สูงขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง แต่ยังคงต้องมีการพร่องน้ำในอ่างเก็บน้ำในช่วงเดือนสิงหาคมและเดือนกันยายนเพื่อป้องกันน้ำล้นอ่างเก็บน้ำอยู่เช่นเดิม ส่วนเกณฑ์เก็บกักน้ำต่ำสุดก็ต้องเปลี่ยนจากกรณีที่ 1 ด้วยเช่นกัน โดยยอมให้มีการใช้น้ำตามความต้องการน้ำที่เพิ่มมากขึ้น
จากการศึกษาได้กักเก็บน้ำสูงสุด (Upper Rule Curve) และเกณฑ์กักเก็บน้ำต่ำสุด (Lower Rule Curve) เป็นรายเดือนไว้ดังนี้
หน่วย : ล้าน ลบ.ม.
กรณี |
เกณฑ์เก็บกัก |
ม.ค. |
ก.พ. |
มี.ค. |
เม.ย. |
พ.ค. |
มิ.ย. |
ก.ค. |
ส.ค. |
ก.ย. |
ต.ค. |
พ.ย. |
ธ.ค. |
1 |
สูงสุด |
80.0 |
80.0 |
80.0 |
75.7 |
70.8 |
67.1 |
62.7 |
58.7 |
57.6 |
60 |
70.2 |
80.0 |
|
ต่ำสุด |
27.8 |
27.8 |
27.8 |
25.0 |
22.3 |
19.5 |
16.2 |
14.2 |
12.2 |
14.9 |
21.8 |
27.8 |
2 |
สูงสุด |
80.0 |
80.0 |
80.0 |
77.7 |
76.0 |
73.4 |
70.8 |
68.4 |
69.4 |
72.8 |
77.2 |
80.0 |
|
ต่ำสุด |
27.8 |
27.8 |
27.8 |
24.0 |
21.1 |
17.9 |
13.9 |
9.5 |
5.0 |
5.0 |
16.2 |
27.8 |
|
|
|
|
|
|
|
นายสมจิต อำนาจศาล |
กรมชลประทาน
สำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา
ส่วนบริหารจัดการน้ำ
ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2553 |
|