สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ / ชป.ส่งเครื่องสูบน้ำช่วยเหลือแล้ว

          ฝนที่ตกหนักในหลายพื้นที่ของภาคใต้ ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำสายหลักต่างๆ มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น แต่ยังต่ำกว่าตลิ่ง การชลประทาน ระดมเครื่องสูบน้ำเข้าไปช่วยเหลือพื้นที่น้ำท่วมแล้ว

          นายทองเปลว กองจันทร์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคใต้ว่า หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงได้เคลื่อนเข้าปกคลุมภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทย และประเทศมาเลเซีย กำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนืออย่างช้าๆ  ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง จากการติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดต่างๆ พบว่าฝนที่ตกหนักในช่วงตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน – 4 ธันวาคม 2559 ทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มต่ำหลายแห่ง โดยเฉพาะในเขตชุมชนเมืองและพื้นที่การเกษตร สรุปสถานการณ์ได้ ดังนี้

จังหวัดสุราษฎร์ธานี วัดปริมาณฝนสะสมสูงสุดได้ในหลายพื้นที่ อ.ไชยา 83 มิลลิเมตร อ.กาญจนดิษฐ์ 167 มิลลิเมตร อ.คีรีรัฐนิคม 180 มิลลิเมตร อ.ท่าฉาง 258 มิลลิเมตร อ.ดอนสัก 75 มิลลิเมตร อ.พุนพิน 258 มิลลิเมตร และ     อ.วิภาวดี 231 มิลลิเมตร ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนราษฎร ในเขต อ.พุนพิน อ.คีรีรัฐนิคม อ.ดอนสัก อ.วิภาวดี อ.ท่าฉาง อ.ไชยา อ.กาญจนดิษฐ์ อ.เกาะสมุย อ.เกาะพงัน อ.กาญจนดิษฐ์ อ.ดอนสัก อ.นาสาร อ.เวียงสระ อ.พระแสง อ.ชัยบุรี อ.พนม อ.ตาขุน และ อ.ท่าชนะ และทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำตาปีมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น แต่เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีความลาดชันสูงน้ำจะมาเร็วไปเร็ว หากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่ม คาดว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติใน 2-3 วัน

จังหวัดนครศรีธรรมราช ปริมาณฝนสะสมวัดได้ที่ อ.ทุ่งสง 138 มิลลิเมตร  อ.หัวไทร 383.5  มิลลิเมตร อ.ปากพนัง 295 มิลลิเมตร อ.ท่าศาลา 281 มิลลิเมตร อ.สิชล 338 มิลลิเมตร อ.ร่อนพิบูลย์ 251.5 มิลลิเมตรอ.ชะอวด 255 มิลลิเมตร อ.เชียรใหญ่ 242 มิลลิเมตร และ อ.เมือง 470 มิลลิเมตร เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำในเขต อ.ท่าศาลา อ.ทุ่งสง อ.ปากพนัง อ.ชะอวด อ.หัวไทร และ อ.เชียรใหญ่ ระดับน้ำท่วมสูงประมาณ 0.10 – 1.00 เมตร สำหรับในเขตเทศบาลเมืองนครศรีธรรมราช ยังคงมีน้ำท่วมสูง 20-30 เซนติเมตร หากไม่มีฝนตกเพิ่มจะเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 2-3 วัน กรมชลประทาน  ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำและเร่งระบายน้ำออกจากตัวเมืองนครศรีธรรมราช รวม 17 เครื่อง และเครื่องผลักดันน้ำ 18 เครื่อง พร้อมทั้งแจ้งเตือนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

จังหวัดพัทลุง ปริมาณฝนสะสมที่อ.เมือง วัดได้ 603 มิลลิเมตร ส่งผลให้น้ำจากเทือกเขาบรรทัดจำนวนมากไหลเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนราษฎร เกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ ในเขต อ.เมืองพัทลุง อ.เขาชัยสน อ.กงหรา อ.ป่าบอน อ.ปากพะยูน อ.ป่าพะยอม อ.ควนขนุน และ อ.บางแก้ว ระดับน้ำท่วมสูงประมาณ 40 - 80 เซนติเมตร พื้นที่ตอนบนและพื้นที่ อ.เมือง หากฝนไม่ตกเพิ่มจะเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 2-3 วัน ส่วนพื้นที่ลุ่มต่ำริมทะเลสาบสงขลาจะเข้าสู่ภาวะปกติใน 2-3 สัปดาห์

สำหรับการให้ความช่วยเหลือ โครงการชลประทานพัทลุงติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาด 8 นิ้ว จำนวน 3 เครื่อง บริเวณในเขตเทศบาลเมืองพัทลุง บ้านเขาแดงและชุมชนริมทางรถไฟสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ พร้อมกับแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย และจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมงแล้ว

จังหวัดตรัง ปริมาณฝนสะสมที่ อ.เมือง วัดได้ 294 มิลลิเมตร ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลับในเขต อ.รัษฎา อ.นาโยง อ.เมือง และ อ.ห้วยยอด ระดับน้ำในแม่น้ำตรังที่ไหลผ่าน อ.เมือง สถานี X.234 วัดได้ 4.30 เมตร ต่ำกว่าตลิ่ง 2.10 เมตร ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ ส่วนระดับน้ำในคลองนางน้อย เพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากมีน้ำท่วมขังจากการ เอ่อล้นของลำคลองสายเล็กๆ ในพื้นที่ คาดว่าระดับน้ำจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในวันนี้ แต่หากไม่มีฝนตกเพิ่มจะเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 2-3 วัน

จังหวัดสงขลา ฝนที่ตกหนักถึงหนักมากทั่วพื้นที่ของจังหวัดสงขลา วัดปริมาณฝนสะสมสูงสุดได้ที่อ.จะนะ 253 มิลลิเมตร และอ.นาท่อม 295.3 มิลลิเมตร เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำริมคลองเป็นแห่งๆ ทั้งในเขตเทศบาลและชุมชนเมือง แต่สามารถระบายได้อย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาสั้นๆ และยังไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัดสงขลา สำหรับระดับน้ำใน   คลองอู่ตะเภาที่ไหลผ่านตัวเมืองหาดใหญ่ วัดระดับน้ำที่สถานีบ้านหาดใหญ่ใน ได้ 1.57 เมตร ต่ำกว่าตลิ่ง 5.83 เมตร ปัจจุบันสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว การให้ความช่วยเหลือ สำนักงานชลประทานที่ 16 ได้สนับสนุนเครื่องสูบน้ำเพื่อช่วยเหลือพื้นที่น้ำท่วมขังในเขตพื้นที่จังหวัดสงขลา จำนวน 40 เครื่อง

จังหวัดนราธิวาส ปริมาณฝนสะสมสูงสุด ที่อ.แว้ง วัดได้ 83 มิลลิเมตร อ.สุไหงโกลก วัดได้ 107.5 มิลลิเมตร อ.ตากใบ วัดได้ 164 มิลลิเมตร และอ.สุไหงปาดี วัดได้ 124.5 มิลลิเมตร ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ราบเชิงเขาและน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ ในเขต อ.ยี่งอ และ อ.บาเจาะ ส่วนระดับน้ำในแม่น้ำโก-ลก บริเวณสถานี X.119A (สะพานลันตู) วัดได้ 7.86 เมตร ต่ำกว่าตลิ่ง 0.34 เมตร โครงการชลประทานนราธิวาส ได้ดำเนินการเปิดบานระบายท่อระบายปลัดปลา อ.เมือง สูง 1.20 เมตร  จำนวน 4 บาน เพื่อเร่งระบายน้ำในคลองศูนย์ราชการ พร้อมทั้งได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ ขนาด 12 นิ้ว จำนวน 3 เครื่อง ที่บริเวณท่อระบายน้ำปลายคลองปลักปลา และขนาด 12 นิ้ว จำนวน 1 เครื่อง ที่บริเวณกรมทหารราบที่ 151

จังหวัดยะลาและปัตตานี มีแม่น้ำปัตตานีเป็นแม่น้ำสายหลักไหลผ่านทั้งสองจังหวัด และมีเขื่อนบางลางตั้งอยู่ในพื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ำปัตตานี มีความจุ 1,454 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันมีปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯ 7.16 ล้านลูกบาศก์เมตร มีปริมาณน้ำเก็บกัก 450 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 31 ของความจุอ่างฯ ยังสามารถรองรับปริมาณน้ำในฤดูฝนนี้ได้อีก 1,004 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนในแม่น้ำปัตตานี ที่ อ.เมืองยะลา  มีระดับน้ำ 6.50 เมตร ต่ำกว่าตลิ่ง 4.50 เมตร และ อ.เมืองปัตตานี มีระดับน้ำ 0.45 เมตร ต่ำกว่าตลิ่ง 0.70 เมตร

(นายทองเปลว กองจันทร์)

รองอธิบดีกรมชลประทาน

กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

เวลา 15.00 น. 4 ธันวาคม  2559