สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ หลายพื้นที่ยังคงมีระดับน้ำสูงขึ้น

          ฝนที่ตกหนักในหลายพื้นที่ของภาคใต้ ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำสายหลักต่างๆ ยังคงมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น กรมชลประทาน ระดมเครื่องสูบน้ำเข้าไปช่วยเหลือพื้นที่ เร่งระบายน้ำที่ท่วมขัง

          นายทองเปลว กองจันทร์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคใต้ว่า หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงได้เคลื่อนเข้าปกคลุมภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทย และประเทศมาเลเซีย กำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนืออย่างช้าๆ ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง จากการติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดต่างๆ พบว่าฝนที่ตกหนักในระยะนี้ ทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มต่ำหลายแห่ง โดยเฉพาะในเขตชุมชนเมืองและพื้นที่การเกษตร สรุปสถานการณ์ได้ ดังนี้

จังหวัดสุราษฎร์ธานี วัดปริมาณฝนสะสม 3 วัน(1-3 ธ.ค. 59)ที่ อ.ไชยา 206 มิลลิเมตร อ.กาญจนดิษฐ์ 232 มิลลิเมตร อ.คีรีรัฐนิคม 250 มิลลิเมตร อ.ท่าฉาง 327 มิลลิเมตร อ.พุนพิน 363 มิลลิเมตร และอ.วิภาวดี 301 มิลลิเมตร เกิดน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนราษฎร ในเขต อ.พุนพิน อ.คีรีรัฐนิคม อ.ดอนสัก อ.วิภาวดี อ.ท่าฉาง อ.ไชยา อ.กาญจนดิษฐ์ อ.เกาะสมุย อ.เกาะพงัน อ.กาญจนดิษฐ์ อ.ดอนสัก อ.นาสารอ.เวียงสระ อ.พระแสง อ.ชัยบุรี อ.พนม อ.ตาขุน และ อ.ท่าชนะ ส่วนระดับน้ำในแม่น้ำตาปียังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น แต่เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีความ  ลาดชันสูงน้ำจะมาเร็วไปเร็ว หากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่ม คาดว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติใน 2-3 วัน

จังหวัดนครศรีธรรมราช ปริมาณฝนสะสม 3 วัน วัดได้ที่ อ.ทุ่งสง 223 มิลลิเมตร อ.หัวไทร 222  มิลลิเมตร อ.ปากพนัง 554 มิลลิเมตร อ.ท่าศาลา 410 มิลลิเมตร อ.สิชล 403 มิลลิเมตร อ.ร่อนพิบูลย์ 479 มิลลิเมตร อ.ชะอวด 391 มิลลิเมตร อ.เชียรใหญ่ 335 มิลลิเมตร และ อ.เมือง 624 มิลลิเมตร เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำในเขต อ.ท่าศาลา อ.ทุ่งสง อ.ปากพนัง อ.ชะอวด อ.หัวไทร และ อ.เชียรใหญ่ ระดับน้ำท่วมสูงประมาณ 0.30 – 1.00 เมตร สำหรับในเขตเทศบาลเมืองนครศรีธรรมราช ยังคงมีน้ำท่วมสูง 20-30 เซนติเมตร หากไม่มีฝนตกเพิ่มจะเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 2-3 วัน   กรมชลประทาน  ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำและเร่งระบายน้ำออกจากตัวเมืองนครศรีธรรมราช รวม 17 เครื่อง และเครื่องผลักดันน้ำ 18 เครื่อง พร้อมทั้งแจ้งเตือนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

จังหวัดพัทลุง ปริมาณฝนสะสม 3 วัน ที่อ.เมือง วัดได้ 527 มิลลิเมตร ส่งผลให้น้ำจากเทือกเขาบรรทัดจำนวนมากไหลเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนราษฎร เกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ ในเขต อ.เมืองพัทลุง อ.เขาชัยสน  อ.กงหรา อ.ป่าบอน อ.ปากพะยูน อ.ป่าพะยอม อ.ควนขนุน อ.บางแก้ว อ.ศรีบรรพต และอ.ศรีนครินทร์ ระดับน้ำท่วมสูงประมาณ 30 - 70 เซนติเมตร พื้นที่ตอนบนและพื้นที่ อ.เมือง หากฝนไม่ตกเพิ่มจะเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 2-3 วัน ส่วนพื้นที่ลุ่มต่ำริมทะเลสาบสงขลาจะเข้าสู่ภาวะปกติใน 2-3 สัปดาห์ สำหรับการให้ความช่วยเหลือ โครงการชลประทานพัทลุงติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาด 8 นิ้ว จำนวน 5 เครื่อง และขนาด 12 นิ้ว จำนวน 1 เครื่อง พร้อมกับแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย และจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมงแล้ว

จังหวัดตรัง ปริมาณฝนสะสมที่อ.เมือง วัดได้ 188 มิลลิเมตร ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในเขต อ.รัษฎา อ.นาโยง อ.เมือง อ.ห้วยยอด และอ.ปะเหลียน ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำตรังที่ไหลผ่าน บ.ท่าประดู่ อ.ห้วยยอด มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น วัดที่สถานี X.56 ได้ 16.1 เมตร ระดับน้ำสูงกว่าตลิ่ง 1.10 เมตร ระดับน้ำที่บ.ท่าจีน อ.เมือง สถานี X.47 มีระดับอยู่ที่ 3.52 เมตร  ต่ำกว่าตลิ่ง 0.78 เมตร ส่วนระดับน้ำในคลองนางน้อย ยังคงเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากมีน้ำท่วมขังจากการเอ่อล้นของลำคลองสายเล็กๆ ในพื้นที่ คาดว่าระดับน้ำจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในคืนนี้ และมีแนวโน้มลดลงในวันพรุ่งนี้ หากไม่มีฝนตกเพิ่มจะเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 2-3 วัน

จังหวัดสงขลา ฝนที่ตกหนักถึงหนักมากทั่วพื้นที่ของจังหวัดสงขลา วัดปริมาณฝนสะสมสูงสุดได้ที่อ.จะนะ 253 มิลลิเมตร และอ.นาหม่อม 295.3 มิลลิเมตร เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำริมคลองเป็นแห่งๆ ทั้งในเขตเทศบาลและชุมชนเมือง แต่สามารถระบายได้อย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาสั้นๆ และยังไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัดสงขลา สำหรับระดับน้ำใน คลองอู่ตะเภาที่ไหลผ่านตัวเมืองหาดใหญ่ วัดระดับน้ำที่สถานีบ้านหาดใหญ่ใน(สถานี X.44) ได้ 1.41 เมตร ต่ำกว่าตลิ่ง 5.99 เมตร ปัจจุบันสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว การให้ความช่วยเหลือ สำนักงานชลประทานที่ 16 ได้สนับสนุนเครื่องสูบน้ำเพื่อช่วยเหลือพื้นที่น้ำท่วมขังในเขตพื้นที่จังหวัดสงขลา จำนวน 14 เครื่อง

จังหวัดนราธิวาส ปริมาณฝนสะสมสูงสุด อ.เมือง วัดได้ 408 มิลลิเมตร อ.ยี่งอ วัดได้ 258 มิลลิเมตร อ.บาเจาะ วัดได้ 306 มิลลิเมตร อ.สุไหงปาดี วัดได้ 170 มิลลิเมตร อ.สุไหงโก-ลก วัดได้ 157 มิลลิเมตร และอ.ตากใบ วัดได้    297 มิลลิเมตร ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ราบเชิงเขาและน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ ในเขตอ.เมือง อ.ยี่งอ และอ.บาเจาะ ส่วนระดับน้ำในแม่น้ำโก-ลก บริเวณสะพานลันตู(สถานี X.119A )อ.สุไหงโก-ลก วัดได้ 7.05 เมตร ต่ำกว่าตลิ่ง 1.15 เมตร โครงการชลประทานนราธิวาส ได้ดำเนินการเปิดบานระบายท่อระบายปลัดปลา อ.เมือง สูง 1.20 เมตร  จำนวน 4 บาน เพื่อเร่งระบายน้ำในคลองศูนย์ราชการ พร้อมทั้งได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ ขนาด 12 นิ้ว จำนวน 3 เครื่อง ที่บริเวณท่อระบายน้ำปลายคลองปลักปลา และขนาด 12 นิ้ว จำนวน 1 เครื่อง ที่บริเวณกรมทหารราบที่ 151

จังหวัดยะลาและปัตตานี มีแม่น้ำปัตตานีเป็นแม่น้ำสายหลักไหลผ่านทั้งสองจังหวัด และมีเขื่อนบางลางตั้งอยู่ในพื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ำปัตตานี มีความจุ 1,454 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันมีปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯ 5.57 ล้านลูกบาศก์เมตร มีปริมาณน้ำเก็บกัก 455 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 31 ของความจุอ่างฯ ยังสามารถรองรับปริมาณน้ำในฤดูฝนนี้ได้อีก 999 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนระดับน้ำในแม่น้ำปัตตานีที่ อ.เมืองยะลา(สถานี X.40B)  วัดได้ 5.50 เมตร ต่ำกว่าตลิ่ง 5.50 เมตร และระดับน้ำที่อ.เมืองปัตตานี(สถานี X.10A) มีระดับน้ำ 0.17 เมตร ต่ำกว่าตลิ่ง 0.98 เมตร

(นายทองเปลว กองจันทร์)

รองอธิบดีกรมชลประทาน

กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

เวลา 11.30 น. / 5  ธันวาคม  2559