http://water.rid.go.th/news/news_59_111_files/image001.jpg
 

 

 

 

 

 

 

 

 


รมว.กษ. ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดสุราษฎร์ธานี  

          วันนี้(19 ม.ค. 60) พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์(รมว.กษ.) พร้อมด้วยคณะสื่อมวลชนจากส่วนกลาง ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมและการช่วยเหลือระบายน้ำของกรมชลประทาน ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ด้วยรมว.กษ. มีความห่วงใยพี่น้องชาวภาคใต้ ที่ยังคงมีบางพื้นที่ประสบปัญหาอุทกภัย ได้มอบหมายให้กรมชลประทาน ระดมเครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ และเครื่องจักรเครื่องมือต่างๆ ลงไปสนับสนุนการเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ต่างๆ ให้เข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด

ด้านนายสัญชัย เกตุวรชัย อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ปัจจุบันคงเหลือน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ ประมาณ 30,000  - 40,000 ไร่ ปริมาณน้ำท่วมขังประมาณ 150 ล้านลูกบาศก์เมตร มีการระบายน้ำออกสู่ทะเลผ่านแม่น้ำพุนพินและแม่น้ำตาปี วันละ 50 – 60 ล้านลูกบาศก์เมตร คาดว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 5 - 7 วัน แนวโน้มระดับน้ำในแม่น้ำตาปีลดลงอย่างต่อเนื่อง

จุดที่แรกที่รมว.กษ. ได้เดินทางไปติดตามสถานการณ์น้ำ คือบริเวณคลองบางกล้วยใหญ่ หมูที่ 2 ตำบลคลองน้อย เป็นจุดที่กรมชลประทานได้ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ เพี่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ตำบลคลองน้อย  เนื่องจากคลองบางกล้วยใหญ่จะรับน้ำที่ไหลมาจากคลองน้อย ซึ่งคลองน้อยจะรับน้ำที่เอ่อล้นมาจากแม่น้ำพุนพิน เนื่องจากมีระดับน้ำต่ำกว่า ทำให้น้ำในคลองน้อยเอ่อล้นตลิ่งตลอดทั้งลำน้ำ จึงต้องเร่งระบายน้ำในคลองบางกล้วยใหญ่ด้วยเครื่องผลักดันน้ำ เพื่อให้น้ำในคลองบางกล้วยใหญ่ไหลออกไปสู่ทะเลได้เร็วขึ้น ซึ่งจะช่วยดึงน้ำและลดระดับน้ำในคลองน้อย ส่งผลให้น้ำที่ท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำระบายลงคลองน้อยได้สะดวกมากขึ้นตามไปด้วย

ส่วนจุดที่ 2 คณะรมว.กษ. ได้เดินทางไปติดตามการเร่งระบายน้ำที่สะพานข้ามแม่น้ำพุนพิน ตำบลศรีวิชัย บริเวณถนนหมายเลข 2007 เป็นจุดที่กรมชลประทาน ได้ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ เพื่อเร่งระบายน้ำจากแม่น้ำพุนพินตอนบน ซึ่งเดิมได้มีการติดตั้งเรือผลักดันน้ำของกองทัพเรือไว้แล้ว เพื่อเร่งระบายน้ำออกสูทะเลได้รวดเร็วยิ่งขึ้น แต่เมื่อใช้เรือผลักดันน้ำลงมาทางตอนล่าง กลับทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำพุนพินสูงขึ้นจนเอ่อล้นตลิ่งในพื้นที่ตอนล่าง จึงต้องเปลี่ยนมาติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำในบริเวณดังกล่าวแทน เพื่อช่วยไม่ให้น้ำเอ่อล้นตลิ่งและลดผลกระทบความเดือดร้อนของประชาชนบริเวณสองฝั่งของแม่น้ำพุนพิน บริเวณตำบลคลองน้อยและตำบลลีเล็ต ได้เป็นอย่างมาก

สำหรับโครงการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี นั้น กรมชลปะทาน มีโครงการต่างๆ ที่ได้ดำเนินการศึกษาพิจารณาโครงการไว้แล้ว อาทิ โครงการอ่างเก็บน้ำปากหมก ความจุ 19 ล้านลูกบาศก์เมตร บรรเทาปัญหาอุทกภัยในพื้นที่อ.ไชยา และเป็นแหล่งน้ำต้นทุนไว้ใช้ฤดูแล้ง สนับสนุนพื้นที่การเกษตรได้กว่า 21,000 ไร่ โครงการอ่างเก็บน้ำคลองท่าทอง ความจุ 20 ล้านลูกบาศก์เมตร บรรเทาปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำท่าทอง อ.กาญจนดิษฐ์ และอ.ดอนสัก เป็นแหล่งน้ำต้นทุนไว้ใช้ฤดูแล้ง สนับสนุนพื้นที่การเกษตรได้กว่า 37,500 ไร่ โครงการอ่างเก็บน้ำคลองตาล ความจุ 18 ล้านลูกบาศก์เมตร บรรเทาปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ อ.เวียงสระ ช่วยตัดยอดน้ำในลุ่มน้ำตาปี และเป็นแหล่งน้ำต้นทุนไว้ใช้ฤดูแล้ง สนับสนุนพื้นที่การเกษตรได้ 16,000 ไร่  โครงการแก้มลิงทุ่งปากขอ พื้นที่ประมาณ 9,000 ไร่ ตั้งอยู่อ.บ้านนาเดิม แหล่งน้ำต้นทุนไว้ใช้ฤดูแล้งและเพิ่มระดับน้ำใต้ดิน รวมทั้งช่วยบรรเทาอุทกภัยในลุ่มน้ำตาปีได้ส่วนหนึ่งด้วย

******************************************

กรมชลประทาน

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 

19 มกราคม 2560